กรุงเทพฯ 2 พ.ย.-“ธนวรรธน์” จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ห่วงนโยบาย “โดนัลด์ ทรัมป์” และ “กมลา แฮร์ริส” ทำเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบเศรษฐกิจไทย “ส่งออก-ท่องเที่ยว” แนะผู้ประกอบการดูแลต้นทุนการผลิต-พัฒนาสินค้า
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในวันที่ 5 พ.ย.2567 ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันและ นางกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ว่า คะแนนนิยมของทั้งสองคน สูสีกันมาก เมื่อวิเคราะห์การเลือกตั้งลงไปยังรัฐต่างๆจะเห็นว่า ในช่วงแรกผลโพลของกมลา แฮร์ริส มีคะแนนนิยมที่มากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ค่อนข้างมาก จึงทำให้ภาพการเป็นประธานาธิบดีของกมลา แฮร์ริส ค่อนข้างสดใส แต่ในระยะหลังสังเกตว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีคะแนนนิยมสูสีกัน แต่ในรัฐที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครแน่นอนปรากฏว่า คะแนนนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์ สูงกว่ากมลา แฮร์ริส ในหลายมลรัฐ
ขณะเดียวกัน เมื่อสำนักวิจัยได้จำลองภาพของผลการเลือกตั้ง พบว่าโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในครั้งนี้จะสูงกว่า สังเกตได้จากทิศทางตลาดหลักทรัพย์ที่ดูนิ่งและทุกคนจะมองว่า หากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีฯ เศรษฐกิจโลกอาจขยายตัวต่ำกว่าที่กมลา แฮร์ริส เข้ามาบริหารประเทศ โดยมีสาเหตุมาจาก โดนัลด์ ทรัมป์ มีมาตรการชัดเจนที่จะกีดกันทางการค้าจากจีน โดยจะขึ้นกำแพงภาษี 60% จากจีน และจะขึ้นกำแพงภาษีจากทุกประเทศ 10% รวมถึงอาจมีการเก็บภาษีสินค้าบางอย่างจากไต้หวัน และหากไต้หวันต้องการการคุ้มครองจะต้องจ่ายเงินให้กับสหรัฐ ขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีนโยบายการกีดกันไม่ให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานแบบผิดกฏหมาย และมีนโยบายส่งกลับแรงงานเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นต้นทุนในการนำเข้าสินค้า ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งสิ้น จึงทำให้หลายคนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และอาจมีการเติบโตน้อยลง จากต้นทุนและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดได้น้อยลง ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหรือเศรษฐกิจโลก อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ กมลา แฮร์ริส เข้ามาเป็นประธานาธิบดี ขณะที่ นโยบายของ กมลา แฮร์ริส ไม่ได้เน้นการขึ้นกำแพงภาษีมาก แต่จะเน้นการเติมอำนาจซื้อให้กับภาคประชาชน โดยการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หลายคนมองว่า หากกมลา แฮร์ริส ได้เป็นประธานาธิบดี เศรษฐกิจน่าจะมีเติบโตดีกว่าโดนัลด์ ทรัมป์
โดยภาพรวม มองว่า สิ่งที่ผู้สมัครทั้ง 2 คนจะทำเหมือนกัน คือการกีดกันทางการค้ากับจีน แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน แยกจีนและรัสเซียออกจากโลกตะวันตก ซึ่งหากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง จะส่งมีผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมากกว่ากมลา แฮร์ริส ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ทำให้ส่งออกสินค้าได้น้อยลง และไทยอาจถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐมากขึ้น รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวอาจไม่โดดเด่น
อย่างไรก็ตามใน เศรษฐกิจประเทศชั้นนำของโลก อาทิ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ยุโรป มีสัญญาณการชะลอตัวลง รวมถึงปัญหาสงครามที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ ผู้ประกอบการจึงควรดูแลต้นทุนทางการผลิตไม่มีต้นทุนที่สูง และพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพตามความต้องการของผู้บริโภค มองหาตลาดใหม่ๆเพิ่มขึ้น และป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาท เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่าในระยะยาวอีกด้วย.-516-สำนักข่าวไทย