จับตาเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ ผลต่อการค้า-การลงทุน

กรุงเทพฯ 28 ต.ค.- ตลาดทุนจับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มีผลต่อค่าเงินบาท หุ้นไทย การค้า การลงทุน หากทรัมป์มา บาทจะอ่อนยิ่งขึ้น


นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ขึ้นอยู่กับตลาดใหญ่อย่างสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ดัชนีหุ้นขึ้นมามากแล้ว และทุกฝ่ายต่างก็จับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะได้เป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็จะส่งผลดีสำหรับภาคธุรกิจ เพราะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ก็ปรับตัวขึ้น แต่หาก คามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้งก็คิดว่าจะส่งผลอีกแบบหนึ่ง ซึ่งคาดกันว่าการเก็บภาษีจะสูงขึ้น

“ขณะนี้หุ้นอเมริกาขึ้นสูงแล้ว โอกาสที่จะขึ้นต่อก็เป็นไปได้ยาก หรืออาจจะมีเพียงหุ้นบางประเภทที่ขึ้นได้อีก ส่วนหุ้นไทยก็ยังขึ้นอยู่กับผลประกอบการ แต่ที่สำคัญคือไม่มีเงินจากต่างประเทศเข้ามาซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจจะทำให้การขึ้นของหุ้นถูกจำกัดเอาไว้ตอนนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญทั้งการเติบโตของจีดีพี ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศในไตรมาส 3/67 จะเป็นตัวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้หุ้นไทยไปต่อได้หรือไม่” นายก้องเกียรติ กล่าว


นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีบางบริษัทที่ไปได้ดีเช่น กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโรงพยาบาล แต่ก็ขึ้นอยู่กับความถูกความแพงของหุ้นแต่ละบริษัท ในส่วนของหุ้นธนาคารผลประกอบการไตรมาส 3/67 ออกมาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ที่แปลกใจก็คือว่าพอประกาศงบออกมาแล้วหุ้นตก ก็คงสืบเนื่องมาจากความกังวลของนักลงทุนแม้ว่ามาร์จิ้นของธุรกิจอาจจะด้อยลงไปหลังจากมีการลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจจะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น ถ้าหากว่าเศรษฐกิจดีขึ้นความกังวลก็จะลดลงตามไปด้วย

“แนะนักลงทุนกระจายการลงทุน ซึ่งน้ำหนักของการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุนเอง และตัวนักลงทุนเองสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหนเพราะไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว คนที่ชอบความเสี่ยงเยอะก็ลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตสูง ราคาหุ้นก็แพงหน่อย ส่วนคนที่เรียกว่าอนุรักษ์นิยมก็มองในแง่หุ้นราคาถูกหน่อย ปันผลสูง แต่อย่างไรก็ดีนักลงทุนจะต้องบาลานซ์หรือสร้างสมดุลในในพอร์ตลงทุน ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยง ช่วยลดโอกาสการขาดทุนได้” นายก้องเกียรติ กล่าว

บล.เคจีไอ ระบุทรัมป์ มีโอกาสชนะเลือกตั้งมากขึ้น ทําให้เกิดความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับ “เงินเฟ้อ-บอนด์ยีลด์” ที่จะพุ่งสูงขึ้นอาจจะส่งผลลบในช่วงสั้นต่อตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าหากแฮร์ริส ชนะการเลือกตั้งจะทําให้ตลาดทั่วโลกวิ่งขึ้นต่อได้


นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้เพียง 2.5% ในกรณีของทรัมป์ เทียบกับ 3.2% ในกรณีของแฮร์ริส โดยคาดว่านอกจากการส่งออกที่จะชะลอและกดดันการลงทุนภาคเอกชนให้เติบโตช้าลงแล้ว ความต้องการในประเทศจะอ่อนแอตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ภาคการเกษตรทั่วประเทศ รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่ชนบท ก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดลงของกำลังซื้อ แต่เชื่อว่าการบริโภคภาคเอกชนยังเติบโตได้ด้วยแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและมาตรการแจกเงินของรัฐบาล

“เศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบายการค้าและนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์น่าจะมีความผันผวนมากกว่ากรณีของแฮร์ริส โดยเฉพาะจากความพยายามลดทอนอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจะกดดันการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน” นายอมรเทพ กล่าว

นายอมรเทพ ยังมองด้วยว่า กรณีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แม้ Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดไว้ แต่คาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับความเสี่ยง รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อาจยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น จะทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเกิดใหม่ และนำเงินกลับไปถือดอลลาร์สหรัฐแทน ทำให้ดอลลาร์แข็ง บาทอ่อน โดยคาดว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าลงถึงระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายปี 2568

ในทางตรงกันข้าม หากแฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง Fed จะทยอยปรับลดดอกเบี้ยตามทิศทางเงินเฟ้อที่ลดลง นักลงทุนจะลดความสนใจในเงินดอลลาร์ลง เงินบาทน่าจะแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในปลายปี 2568.- 511,517 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ส่งชาวจีนกลับบ้าน

เสร็จสิ้นภารกิจส่ง 621 เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน

จบภารกิจส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา รวม 3 วัน 13 เที่ยวบิน ส่งกลับชาวจีน 621 คน ที่เหลือต้องรอการเจรจา 3 ฝ่าย ไทย จีน และเมียนมา กำหนดแนวทางรับตัวอีกครั้ง

ทำบุญครบรอบแตงโมเสียชีวิต

เพื่อนสนิททำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เสียชีวิต

กลุ่มเพื่อนสนิทของ “แตงโม ภัทรธิดา” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ จัดพิธีทำบุญครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของนางเอกคนดัง ที่วัดปากน้ำ ซ.พิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง