กรุงเทพฯ 21 ต.ค.- พรรคประชาชน เรียกร้องนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธาน กพช. ยกเลิกสัมปทานไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 MW ชี้จะทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแพงเกินความเป็นจริง เงินเข้ากระเป๋าเจ้าสัวแสนกว่าล้านบาท – ชะลอและทบทวนการเซ็นสัญญาซื้อไฟหมุนเวียน 5,200 MW ส่วนที่เหลือ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวเรื่อง “ขบวนการค่าไฟแพง กำลังจะถูกสานต่อโดยรัฐบาลเพื่อไทย” โดยระบุว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัว หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ สูงถึง 6 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันเจ้าสัวที่รวยที่สุด 50 คนแรกในไทยมีความมั่งคั่งขึ้น 2 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ ซึ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น พรรคประชาชนไม่ได้คัดค้านกลุ่มทุน ตราบใดที่กลุ่มทุนเหล่านั้นสามารถส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มมูลค่าให้ระบบเศรษฐกิจไทย ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ แต่สำหรับกลุ่มทุนที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนผ่านช่องว่างแห่งความเหลื่อมล้ำ กลุ่มทุนพลังงานก็เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ทำให้ประชาชนคนไทยต้องเสียค่าไฟแพงกว่าความเป็นจริง ซึ่งเงินทุกบาทกำลังไหลเข้ากระเป๋าเจ้าสัว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลจนถึงพรรคประชาชนสื่อสารมาโดยตลอดว่าแผนพลังงานแห่งชาติของไทยมีการวางแผนการผลิตไฟฟ้าที่สูงกว่าความเป็นจริงถึง 49% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ยกตัวอย่างตัวเลขล่าสุด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมามีโรงไฟฟ้า IPP หรือโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 7 ใน 13 โรง ที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้า แต่ประชาชนยังต้องเสียค่าไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าเหล่านั้นสูงถึง 2,400 ล้านบาท เมื่อหารจำนวนครัวเรือนในประเทศไทย หมายความว่า บ้านทุกหลังต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าความเป็นจริงครัวเรือนละ 100 บาท โดยไม่มีความจำเป็น
“รัฐบาลจะอ้างว่าโครงการไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกกะวัตต์ เป็นการทำไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้กับประเทศไทยไม่ได้ เพราะขณะนี้โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นแกนหลักของประเทศไม่ได้เดินเครื่องอยู่ ดังนั้นหากรัฐบาลอยากสนุนสนุนพลังงานสะอาด การซื้อขายไฟโดยตรงระหว่างผู้ที่ต้องการใช้และผู้ที่ต้องการขาย หรือ Direct ก็สามารถทำได้โดยตรงอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้สัญญาสัมปทานที่ไม่มีการประมูลในลักษณะนี้อีก พร้อมถามรัฐบาลกำลังจะใช้นโยบายของรัฐให้สัมปานที่ไม่มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อที่จะเอื้อผลประโชยน์ให้กับกลุ่นทุนบางกลุ่มหรือไม่” หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว
จากการคำนวนเฉพาะไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกกะวัตต์ จะทำให้ประชาชนต้องซื้อไฟฟ้าที่สูงเกินจริงถึง 4,162 ล้านบาท/ปี เมื่อคิดตลอดสัญญารับซื้อไฟฟ้า 25 ปี ก็เท่ากับว่าต้องจ่ายมากถึง 104,050 ล้านบาท ส่วนไฟฟ้าหมุนเวียน 5,200 เมกกะวัตต์ ที่หมดสัญญาสัมปทานไปแล้วนั้น เฉพาะไฟฟ้าพลังงานลมและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เกิดความเสียหายแล้ว 90,199 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หยุดยั้งกระบวนการฟอกเขียว โดย
1.ยกเลิกการรับซื้อ และยุติการให้สัมปทานไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกกะวัตต์
2.ชะลอและทบทวนการเซ็นต์สัญญาซื้อไฟหมุนเวียน 5,200 เมกกะวัตต์ ส่วนที่เหลือที่ยังไม่ลงนามอีก 2 พันกว่าเมกกะวัตต์
นอกจากนี้หัวหน้าพรรคประชาชน ยังเชิญชวนประชนจับตาดีลพลังงานแสนล้านบาท รวมถึงเสนอตัวเป็นเจ้าภาพสนับสนุนผู้เอกชนที่เสียประโยชน์จากการถูกกีดกันการประมูล เพื่อฟ้องร้องศาลปกครอง พรรคประชาชน ยืนยันไม่ได้ต่อต้านกลุ่มทุนทุกรูปแบบ แต่เราต่อต้านกลุ่มทุนที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เก็บเงินเข้าประเป๋าเจ้าสัวอย่างไม่เป็นธรรม และนอกจากนี้ พรรคประชาชนยังเดินหน้าช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย ในโครงการนักสืบทุนเทา ที่เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนให้ประชาชนแจ้งเรื่องเข้ามา หากพบสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. อย. ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย พรรคประชาชนพร้อมเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหา. -517-สำนักข่าวไทย