กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- GC ปรับพอร์ตธุรกิจ มุ่งลงทุนธุรกิจคาร์บอนต่ำ ปรับโรงกลั่นน้ำมันดิบสู่การผลิตน้ำมัน SAF คาดเริ่มจำหน่ายมกราคม 2568 ส่วนโรงงานไบโอพลาสติกแห่งที่ 2 ที่ จ.นครสวรรค์ คาดว่าจะเดินเครื่องได้ปลายปี2568 เร่งบันทึกด้อยค่า 2 บริษัทลูกตัด 20,000 ล้านบาท
นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวถึงการปรับพอร์ตธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ว่า GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ ได้ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบด้วยเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงให้สามารถรองรับผลผลิตที่เหลือใช้จากการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว สู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียน (Ronewable & Sustainable Energy) ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนมกราคม 2568 เบื้องต้นจะผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน และจะทยอยเพิ่มเป็น 20,000 ตันต่อปี โดยจะป้อนน้ำมัน SAF ให้กับ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก( OR) ที่มีลูกค้าสายการบิน
ส่วนการลงทุนในโรงงานผลิตไบโอพลาสติกแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทยที่จังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 2 ของบริษัท NatureWorks LLC ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ คาดว่า จะเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2568
อย่างไรก็ดีขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับบริษัท PTT Asahi Chemical หรือ(PTTAC) ที่บริษัทถือหุ้น 50% ร่วมกับทางพันธมิตรญี่ปุ่น คือ บริษัท อาซาฮี คาเซอิ คอร์ปอเรชั่น ก็คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 4 นี้ ภายหลังจากพันธมิตรร่วมทุน ได้ตั้งสำรองการด้อยค่าในบริษัท PTTAC ราว 9,326 ล้านบาท
ส่วนบริษัทย่อยทั้ง Vencorex France S.A.S.U (Vencorex France) และ Vencorex TDI S.A.S.U (Vencorex TDI) ที่ประสบปัญหาการขาดทุนหลังจากสภาพตลาดมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังอุตสาหกรรมปิโตรเคมีตกต่ำ บริษัทได้ตัดสินใจนำบริษัทดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจในชั้นศาลที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 คาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 3-4 เดือน
ทั้งนี้ Vencorex ประสบปัญหาการขาดทุนหนักมาก แม้ว่า GC จะเข้าไปบริหารจัดการลดต้นทุน ก็ไม่สามารถทำให้ Vencorex พลิกฟื้นขึ้นมาได้ จนต้องพึ่งพากระบวนการศาลในการหาทางออกให้กับธุรกิจ
อย่างไรก็ดีคาดว่าVencorex และบริษัท PTT Asahi Chemical จะมีการบันทึกด้อยค่ารวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ส่วนบริษัท allnex แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีตกต่ำในช่วงที่ผ่านมาทำให้ปริมาณการขายลดลง แต่อัตรากำไรต่อหน่วยไม่ได้ลด ล่าสุด allnex มีผลกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น .-517-สำนักข่าวไทย