เศรษฐกิจฟื้นช้า ส่งผลกลุ่มทิสโก้ กำไรไตรมาส 3/67 ลดลง 8.6 %

กรุงเทพฯ 15 ต.ค. – กลุ่มทิสโก้ แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิ 1,713 ล้านบาท ลดลง 8.6% จากการตั้งสำรองทางเครดิตที่สูงขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง มั่นใจบริหารจัดการเอ็นพีแอลได้ตามกรอบ


นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 5,199 ล้านบาท ลดลง 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยงวดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 1,713 ล้านบาท ลดลง 8.6% สาเหตุจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง ซึ่งถือเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ขององค์กร นั่นคือ การมุ่งเน้นคุณภาพในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และดำเนินนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยหลักความระมัดระวัง (Prudent) อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการสร้างอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) ใน 9 เดือนแรกของปีที่ 16.5%
ในส่วนของธุรกิจหลัก กลุ่มทิสโก้ ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีอยู่รอบด้านให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น สะท้อนจากตัวเลขสินเชื่อรวมที่ลดลง 2.1% จากสิ้นปีที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงมากกว่าคาด และการเพิ่มความเข้มงวดในการประเมินสินเชื่อ แต่บริษัทยังสามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเอ็นพีแอลในไตรมาสนี้ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ระดับ 2.4% ด้วยกระบวนการติดตามดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และการบริหารจัดการสินเชื่อในเชิงรุก ขณะที่ต้นทุนทางการเงินแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่เริ่มเห็นสัญญาณเข้าใกล้ระดับสูงสุด ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มปรับลดลงในอนาคต

ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจตลาดทุน โดยธุรกิจหลักทรัพย์เติบโตได้อย่างดี จากความสามารถในการขยาย Market Share ของ บล.ทิสโก้ และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยหลังการเปิดตัวกองทุนวายุภักษ์และการให้การสนับสนุนการลงทุนระยะยาวผ่านกองทุน ESG ทำให้มีเงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาดทุนไทยในช่วงสิ้นไตรมาส ส่วนธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้ บลจ.ทิสโก้ สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงแม้ในช่วงที่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย


“ระยะข้างหน้า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำโดยภาคการส่งออกสินค้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว แต่ต้องจับตาความท้าทายเรื่องหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด จากปัญหาหนี้สะสมและรายได้ของประชาชนที่โตช้า และการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ทำให้เกิดความยากลำบากต่อประชาชนในพื้นที่ยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดี คาดว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ระดับ 2.8% กลุ่มทิสโก้จะมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบรัดกุม โดยเน้น “คุณภาพในการเติบโต” ผนวกกับการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อสร้างเสถียรภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายศักดิ์ชัย กล่าว

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 กำไรสุทธิมีจำนวน 5,199 ล้านบาท ลดลง 5.8% จากสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เทียบกับสำรองที่ 0.1% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ยในปีก่อนหน้า ด้านรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.9% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัว 1.0% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่มีผลตอบแทนในระดับสูง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้น 7.6% จากการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจ รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนที่เติบโตได้ 2.7% แม้ในภาวะที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วง 9 เดือนแรกยังคงอ่อนแอตามมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ซบเซา และค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ลดลง เป็นผลมาจากการชะลอตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่อ่อนตัวลง ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 16.5%

เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 229,948 ล้านบาท ลดลง 2.1% จากสิ้นปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ ซึ่งเป็นไปตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัวลง และการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อ SME ในขณะที่สินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูงยังคงเติบโต ประกอบด้วยสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ โดยบริษัทยังคงคำนึงถึงความรอบคอบและระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในสภาวะที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) คงที่อยู่ที่ 2.4% ของสินเชื่อรวม โดยบริษัทมุ่งเน้นการติดตามดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับการบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่อเชิงรุก ทั้งนี้ ระดับค่าเผื่อสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 159.1%


ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 20.9% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.9% และ 2.0% ตามลำดับ. -511- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า