15 ต.ค. – บมจ.เมดีซ กรุ๊ป ผู้นำการให้บริการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด ด้วยมาตรฐานระดับสากล เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,612 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “MEDEZE” เปิดเทรดวันแรกที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 4.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 47.78 % จากราคา IPO 9 บาท
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ.เมดีซ กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MEDEZE” เปิดเทรดวันแรกที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 4.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 47.78 % จากราคา IPO 9 บาท
MEDEZE ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด สำหรับทารกแรกเกิด (สกัดจากเลือดและเนื้อเยื่อสายสะดือ) และบุคคลทั่วไป (สกัดจากเนื้อเยื่อไขมัน) มากว่า 14 ปี การให้บริการครอบคลุมการจัดเก็บด้วยการแช่แข็งเซลล์ต้นกำเนิดในระยะยาวมาตรฐานระดับสากลจากสหรัฐอเมริกาและต่อยอดการให้บริการครอบคลุมถึงการตรวจศักยภาพเซลล์คุ้มกัน ด้วยทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนการพัฒนาการให้บริการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศด้วยดีเสมอมา
MEDEZE มีทุนชำระแล้ว 534 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 268 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 201 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัท ไม่เกิน 40.20 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยไม่เกิน 26.80 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 2-4 ตุลาคม ที่ราคาหุ้นละ 9 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,412 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,612 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมดีซ กรุ๊ป เปิดเผยว่าการ ระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตให้แก่บริษัท โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจเซลล์รากผมและลงทุนติดตั้งระบบการจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ซึ่งเซลล์ต้นกำเนิดนับเป็นหัวใจของการป้องกัน การรักษาโรค และการฟื้นฟูร่างกาย หรือแม้แต่การชะลอวัย โดยบริษัทมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมที่เป็นระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดของการให้บริการเพื่อครองความเป็นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมเซลล์ต้นกำเนิดที่ทันสมัยของประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน.-513-สำนักข่าวไทย