กรุงเทพฯ 8 ต.ค. – ไอร์แลนด์ เดินหน้าขยายโอกาสส่งออกธุรกิจเกษตร-อาหารในไทย เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างภาคอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรของไอร์แลนด์ กับอุตสาหกรรมอาหารของไทย ขยายโอกาสส่งออกอาหารและผลผลิตทางการเกษตรของไอร์แลนด์ในตลาดไทย
นางพิปปา แฮ็คเก็ตต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร และทะเลแห่งไอร์แลนด์ กล่าวว่า ไอร์แลนด์ส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารมากกว่า 180 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 16,300 ล้านยูโร หรือ 5.8 ล้านล้านบาท ในปี 2023 โดยส่งออกไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียรวมกว่า 1,200 ล้านยูโร และ 57,600 ล้านยูโร ส่งออกมายังประเทศไทย โดยไอร์แลนด์ใช้กลยุทธ์ Food Vision 2030 ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคเกษตรและอาหาร ซึ่งมีการกำหนดแผนที่ชัดเจนและมีความมุ่งมั่น สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่านี้ให้ถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 7 แสนล้านบาทภายในปี 2030
จากการศึกษาการลำดับความสำคัญของตลาด (Prioritising market) ของ Bord Bia หน่วยงานของรัฐบาลไอร์แลนด์ที่ดูแลการส่งเสริม พัฒนาการค้า และการตลาดของอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และเกษตรกรรม ระบุว่าประเทศไทย เวียดนาม และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มของไอร์แลนด์ เนื่องจากมีโอกาสทางการตลาดที่สูง สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์นม โดยตั้งแต่ปี 2019 การส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปยังประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 24 ล้านยูโรเป็น 54.9 ล้านยูโรในปี 2023 โดยสัดส่วนการเติบโตสูงสุดมาจากนมผงไขมันเต็ม นมผงพร่องมันเนย และอาหารสำหรับทารก ขณะที่ผลิตภัณฑ์เนยก็เติบโตมากขึ้น จากเริ่มต้นที่ 1 ล้านยูโรในปี 2022 และเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 ล้านยูโรในปี 2023 ส่วนอาหารทะเล มีการส่งออกไปยังประเทศไทยรวมกว่า 306,000 ยูโร หรือ 11 ล้านบาท ในปี 2023
“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเยือนไทยเพื่อสำรวจโอกาสทางการค้าสำหรับอาหารและเครื่องดื่มจากไอร์แลนด์ ยุทธศาสตร์ Food Vision 2030 ของเรากำหนดเป้าหมายที่ท้าทายในการส่งออกที่ยั่งยืน และการเยือนครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเรา เราตระหนักถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมนมของไทย และมีความพร้อมที่จะร่วมมือกัน ในฐานะสมาชิกสหภาพยุโรป เรากำลังเปิดตัวแคมเปญผลิตภัณฑ์นมเป็นระยะเวลา 3 ปีในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการค้าและผู้บริโภค สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของไอร์แลนด์เป็นข้อได้เปรียบที่แตกต่างสำหรับการผลิตสินค้าพรีเมียม และภารกิจการค้าครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุศักยภาพสูงสุดของความร่วมมือระหว่างเรากับประเทศไทย” นางพิปปา กล่าว
นายจิม โอทูล ซีอีโอของคณะกรรมการอาหารแห่งสาธารณะไอร์แลนด์ เผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับไอร์แลนด์ และเป็นโอกาสที่ดีอย่างมากสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์นม และอาจรวมถึงเนื้อวัว จากสภาพภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์ เราส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์นมและเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เราเข้าใจถึงความใส่ใจของผู้บริโภคไทยในเรื่องที่มาของอาหาร และเชื่อว่าการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของเราจะช่วยแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของอาหารและเครื่องดื่มจากไอร์แลนด์มากขึ้น แม้ว่าประเทศเราจะมีประชากรไม่มาก แต่เราก็เป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ และให้ความสำคัญกับคุณภาพและความยั่งยืนผ่านโครงการ Origin Green ของเรา เรามั่นใจถึงศักยภาพในความร่วมมือของเรากับประเทศไทยอย่างยิ่ง. -517-สำนักข่าวไทย