กรุงเทพ 2 ต.ค. – “สุรพงษ์” สั่งกรมการขนส่งทางบก ตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง ที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดจำนวน 13,426 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) เข้ารับการตรวจสภาพรถภายใน 60 วัน หรือภายในเดือนพฤศจิกายน ทุกคันต้องตรวจสภาพเสร็จ
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หารือกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้บริเวณใกล้ทางแยกต่างระดับอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก ร่วมหารือ
นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า จากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 12.08 น. ได้เกิดเหตุรถโดยสารไม่ประจำทางหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี (รถโดยสารชั้นเดียว ปรับอากาศ) บรรทุกเด็กนักเรียนและครูจำนวน 45 ราย เดินทางออกจากจังหวัดอุทัยธานี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าเซียร์รังสิต รถคันดังกล่าวได้เกิดเสียหลักไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋ง และไถลเบียดกับแบริเออร์ที่อยู่กลางเกาะถนนวิภาวดี จากนั้นจึงเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเสียหายทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย บาดเจ็บ 3 ราย นั้น รถโดยสารคันที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียวมาตรฐาน 1 (ข) ปรับอากาศ โดยล่าสุดกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ยกเลิกการประกอบการของผู้ประกอบการรถคันที่เกิดเหตุทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีข้อสั่งการดังนี้
- ให้ ขบ.เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง ที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดจำนวน 13,426 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) เข้ารับการตรวจสภาพรถภายใน 60 วัน และต้องให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
- ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง (30) ทั้งระบบ (การประกอบการ การตรวจสภาพ การให้บริการ)
- สำหรับกรณีให้บริการรถโดยสารประจำทาง (30) ให้ ขบ. บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาและสถานศึกษาทั่วประเทศกรณีนำรถเช่าเหมาหรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ โดยให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
4.ออกกฎหมายให้มีพนักงานประจำรถเช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทาง โดยพนักงานและผู้ประจำรถต้องได้รับการอบรมและผ่านการทดสอบหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management) - ออกกฎหมายระเบียบเพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการ (เช่นเดียวกับสายการบิน)
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า รถคันที่เกิดเหตุมีอายุการใช้งานถึง 54 ปีแล้ว มีกำหนดระยะเวลาการใช้งานหรือไม่ นายสุรพงษ์ ระบุขอดูตัวถังรถให้ละเอียดก่อน โดยขณะนี้ทางตำรวจและกรมการขนส่งทางบก กำลังลงไปดูเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้มีการกำหนดอายุการใช้งานของรถ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางกรมการขนส่งทางบกมีการตรวจสภาพรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางปีละ 2 ครั้งอยู่แล้ว ถ้าตรวจผ่านก็สามารถใช้งานได้ ขณะเดียวกันนายสุรพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า มีแนวโน้มจะให้ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทาง ห้ามใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดแต่ต้องไปดูในรายละเอียดก่อนว่าถ้าไม่ให้เชื้อเพลิง CNG จะทำอย่างไร ส่วนรถที่เกิดเหตุเป็นรถอีซูซุ แต่ใช้เครื่องยนต์เบนซ์และติดยี่ห้อรถเบนซ์นั้น ทางกรมการขนส่งทางบก ไม่ได้มีระเบียบห้ามในเรื่องนี้แต่หลังจากนี้ไปมาตรการจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มข้น
“กระทรวงคมนาคมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ วันนี้เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับมาตรฐานทุกมิติ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และฝากถึงผู้ประกอบการขอให้ช่วยตรวจสอบรถ พนักงานขับรถ และผู้ประจำรถ ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอีกต่อไป” นายสุรพงษ์ กล่าว.-513-สำนักข่าวไทย