ทีทีบี แนะผู้ประกอบการไทยปรับตัวรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน

กรุงเทพฯ 1 ต.ค.- ทีทีบี แนะผู้ประกอบการไทยปรับตัวรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน ทั้งการค้าโลกและค่าเงินผันผวน โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย คาดจีดีพีปีหน้าขยายตัวได้ 3% จากปีนี้อยู่ที่ 2.6%


ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จัดสัมมนา ttb I Global Trade & FX Forum ภายใต้หัวข้อ “The Future of Asia : Economic Trends and Trade Challenges for Thailand 2025”โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้านมาให้ความรู้ผุ้ประกอบการไทย

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า อิทธิพลของภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งทางการค้า ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังคงเป็นปัญหาหลักที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งถือเป็นความท้าทายและเป็นความเสี่ยงอย่างมาก สำหรับผู้ประกอบการการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนยังเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงนโยบายของจีนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและโอกาสทางการค้าของธุรกิจทั่วโลก ในขณะที่ตลาดเอเชียยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งการเข้าถึงตลาดเหล่านี้ช่วยกระจายความเสี่ยงและเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการที่ทำการค้าระหว่างประเทศต้องมีความเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจ ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง รักษาความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตในระยะยาว


นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีทีบี มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3% จากปีนี้อยู่ที่ 2.6% ด้านการบริโภคอยู่ที่ 2-3% จากปีนี้ 4% ไทยยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ส่วนภาพรวมการค้าโลกมีอยู่ 3 ธีม ได้แก่ 1.Deglobalization จะเห็นว่าการค้าโลกไม่ได้อยู่กับประเทศพัฒนาแล้ว แต่อยู่กับตลาดเกิดใหม่ที่มีสัดส่วนสูงถึง 60% เนื่องจากการค้าในเอเชียมีความเสี่ยงน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่มีสัดส่วนการค้าเพียง 40% เพราะมีปัญหากีดกันทางการค้า 2.Decoupling จะเห็นจีนส่งออกมาไทย โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และเหล็ก และปัญหาจะรุนแรงมากขึ้น และ 3.ESG Standard จะมีผลกระทบจากมาตรการที่เพิ่มขึ้นจาก 40 มาตรการไปถึงกว่า 100 มาตรการ

ส่วนการลงทุนเอกชนในไทยปรับดีขึ้น 3-4% จาก 0.8% ส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามาลงทุนของจีน ซึ่งหนีจากสหรัฐ สอดคล้องกับการลงทุนภาครัฐและการใช้จ่ายภาครัฐที่ปรับดีขึ้นตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจีนประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังคาดจีดีพีจีนอาจโตไม่ถึง 5% แต่ตลาดอาเซียนหรือตลาดเกิดใหม่ยังเติบโต โดยเฉพาะภาคบริการ โรงแรม แต่ภาคการผลิตยังซึมตัว แม้จะไม่วิกฤต แต่ไม่ค่อยโต การผลิตกำลังลำบาก ภายใต้ สิ่งที่เรียกว่า ”จีนสะดุด โลกกระอัก”

“ Policy Maker จะต้อง เข้ามาดูแลในเรื่องของการค้าโลก เพราะจะเห็นว่าสินค้าจีนส่งออกมาไทยจำนวนมากพอ ๆ กับเวียดนาม แต่จะเห็นว่าจีนไม่ได้นำเข้าสินค้าไทย แต่นำเข้าจากเวียดนาม ไทยขาดดุลจีนเยอะมาก อย่างไรก็ตาม จีน ที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา เริ่มเห็นการเข้ามาลงทุนในอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยที่มีเม็ดเงินสูงขึ้นเรื่อย ๆ” นายนริศกล่าว-511 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง