สภาผู้ส่งออกกุมขมับเงินบาทแข็งค่า

กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – สภาผู้ส่งออกกุมขมับเงินบาทแข็งค่า หวั่นขาดทุน เรียกร้องแบงก์ชาติ รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป พร้อมทั้งสนับสนุนเครื่องมือ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ


นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก กล่าวว่า การส่งออกในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้มีความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะ สถานการณ์เงินบาท ที่แข็งค่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวแข็งค่าขึ้น 12% กระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการที่ลดน้อยลงจนอาจถึงขั้นขาดทุน โดยกลุ่มส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและกลุ่มสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือ เช่น การทำประกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน การเจรจากับคู่ค้าเรื่องการใช้สกุลเงินท้องถิ่น ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน จะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อในจีนในระยะกลางและระยะยาวและเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าของไทยวย แต่อาจไม่เห็นผลเร็วนัก คาดว่าต้องรอถึงไตรมาส 1/68 และจะส่งผลดีทางอ้อมต่อการแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาให้คลี่คลายลงด้วย

ทั้งนี้ สภาฯ ยังตั้งเป้าการส่งออกในปีนี้ ที่ 1-2% โดยได้ตั้งสมมุติฐานหากต้องการให้การส่งออกขยายตัวได้ 1% ช่วง 4 ที่เดือนจะต้องผลักดันยอดส่งออกให้เฉลี่ยเดือนละ 22,700 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าหากจะให้ขยายตัวได้ 2% จะต้องผลักดันการส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 23,400 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ได้แก่
1) ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลโดยตรงต่อการส่งออก เนื่องจากขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลง ประกอบกับ ผู้ประกอบการเข้าไม่ถึงสินเชื่อ ส่งผลต่อสภาพคล่องทางธุรกิจต่อเนื่อง
2) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงคาดการณ์ยาก สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางยังคงยืดเยื้อ
การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลต่อการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน และมีผลกระทบให้ซัพพลายเชนทั่วโลกเกิดความผันผวน ในขณะที่สหรัฐฯ เริ่มมาตรการ safeguard วันที่ 27 กันยายน 67กับสินค้ารถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน แผงโซลาร์เซลล์ ขณะที่ปี 68 เริ่มมาตรการดังกล่าวกับสินค้าถุงมือยาง ชิพ และอื่นๆ ส่งผลให้จีนต้องเร่งกระจายสินค้าไปยังตลาดใหม่และตลาดเอเชียที่ยังมีศักยภาพ
3) ดัชนีภาคการผลิต (Manufacturing PMI) หดตัวต่อเนื่อง แม้ยังคงมี Demand อยู่ โดยกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
4) ปัญหาการขนส่งสินค้าทางทะเล ค่าระวางเรือยังคงเริ่มมีการปรับลดลงมาในหลายเส้นทางสำคัญ แต่เป็นการปรับลดลงจากที่ปรับขึ้นไปสูงก่อนหน้านี้จากสถานการณ์ปัญหาทะเลแดง ยกเว้นเส้นทางสหรัฐอเมริกาจากปัญหาการ Strike ของคนงานท่าเทียบเรือฝั่งตะวันออกและตะวันตกส่งผลให้เรือล่าช้า
5) ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบมากและส่งผลต่อเนื่องถึงต้นทุนวัตถุดิบและปริมาณสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดไม่เพียงพอในระยะถัดไป


ข้อเสนอแนะที่สำคัญ
1) รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป พร้อมทั้งสนับสนุนเครื่องมือและค่าธรรมเนียมในการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
2) พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
3) พิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ไม่ให้เป็นภาระกับผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs มากเกินไป
4) เร่งรัดการเจรจาการค้าและความร่วมมือทางการค้าใหม่ ๆ ทั้งระดับประเทศและระดับพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศคู่ค้านั้น ๆ. -511- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย