3 ขุนคลัง มั่นใจเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ

ทำเนียบฯ 25 ก.ย. – “พิชัย” มั่นใจโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนจีดีพีประเทศ “จุลพันธ์“ แจงยังพบตกหล่นเล็กน้อย “เผ่าภูมิ” เผยเห็นคนในครอบครัวรวมเงินหมื่นซื้อสินค้าชิ้นใหญ่


ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดตัว (Kick Off) การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมแถลงภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี Kick Off การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

นายพิชัย กล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความจำเป็นในขณะนี้ เนื่องจากประเทศไทยตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมายาวนาน ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแต่ก็ค่อนข้างจะตกต่ำมากกว่ากับ ยังมีสถานการณ์ทั้งนอกประเทศและภายในประเทศหลายหลายอย่าง และที่สำคัญคือช่องว่างระหว่างรายได้ โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงาน ผู้ที่ไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึง สิ่งที่ต้องรีบทำที่สุดคือต้องเร่งเยียวยาประชาชน พยายามเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย สำหรับ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ เป็นการเติมเงินสดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นแล้วว่าทุกคนรอคอยมานาน เม็ดเงิน 145,000 มีจำนวนใหญ่มากพอ ซึ่งต้องขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมสำหรับปี 2567 ทำให้เราสามารถดำเนินการโครงการนี้ได้สำเร็จ เราใช้เม็ดเงินเต็มที่ตามกรอบงบประมาณ คาดหวังว่าเศรษฐกิจปีนี้ต้องขึ้นให้ได้ เศรษฐกิจไม่ขึ้นเราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เชื่อ


“โครงการดังกล่าวจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจแน่นอน เนื่องจากมีการประเมินว่าเมื่อคนได้รับเงินจำนำไปใช้ทันที ซึ่งตนหวังในทางสูง แต่อาจต้องมีการปรับตัวเลขกันใหม่ เนื่องจากปีนี้เราเจอปัญหาน้ำท่วมด้วย” นายพิชัย กล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยอดการโอนในโครงการวันนี้ จำนวน 3,167,565 ราย เริ่มโอนตอนเที่ยงคืนสำเร็จทั้งหมดในเวลาประมาณ 07.30 น. เป็นไปด้วยความราบรื่น นอกจากการโอนเงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ววันนี้ยังมีการโอนเงินเดือนข้าราชการด้วยจึงทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง

ส่วนการตรวจสอบสิทธิเป็นไปตามช่องทางที่ได้เตรียมไว้ ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบทั้งแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ ไม่มีปัญหา หากเข้าไปตรวจสอบสิทธิไม่มีชื่อ แสดงว่า ยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่จะรับเงิน ให้รอรอบถัดไป ทั้งนี้ มีกลุ่มคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ต้องผูกบัญชีธนาคารกับบัตรประชาชน (promptpay) ยังมีบางส่วนที่ตกหล่น ต้องเร่งให้ลงทะเบียนผ่านธนาคารผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือเจ้าหน้าที่


ส่วนกลุ่มผู้ถือบัตรผู้พิการยังมีอีกราว 90,000 กว่ารายที่ยังมีสถานะต้องไปแก้ไข เช่น บัตรผู้พิการหมดอายุในจำนวนนี้ ยังไม่ได้เชื่อมช่องทางในการจ่ายอีก 10,000 บาท ซึ่งจะต้องไปประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และเพื่อไปแก้ไขสถานะให้เรียบร้อย ทั้งนี้ จะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง 22 ตุลาคม วันที่ 22 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคม เป็นครั้งสุดท้าย หากกระบวนการทั้งหมดไม่สามารถดำเนินการได้ครบถ้วนในวันที่ 22 ธันวาคม ก็ถือว่าไม่ขอรับสิทธิ์

ส่วนกรณีที่มีการรายงานว่า เจ้าหนี้นอกระบบไปกดดันหรือประกบผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท หน้าตู้เอทีเอ็มเพื่อให้กดเงินมาใช้หนี้ ซึ่งอาจจะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายจุลพันธ์ ตอบว่า เรื่องนี้อยู่ในอำนาจการดูแลของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะประสานกับกระทรวงมหาดไทยให้ลงไปดูแล และตรวจสอบไม่ให้เจ้าหนี้มารบกวนเงินของกลุ่มเปราะบาง

ส่วนอีกปัญหาที่พบว่า ประชาชนเข้าไปตรวจสอบสิทธิ พบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหมดอายุต้องไปต่ออายุนั้น ก่อนถึงจะได้รับสิทธิ นายจุลพันธ์ กล่าว ว่า อายุของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีอายุ 2 ปี หากหมดอายุจะต่ออายุให้อีกทุก 2 ปี ซึ่งจะมีการสำรวจ ส่วนใครที่มีบัตรอยู่แล้วในปัจจุบันแต่ระบบแจ้งว่าหมดอายุก็ไปติดต่อที่ว่าการอำเภอ ส่วนประชาชนรายใดมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในหลายปีที่ผ่านมา แล้วมาตรวจสอบสิทธิระบบขึ้นว่าหมดอายุ และไม่ได้รับเงินจากรัฐ นั้นหมายความว่า ไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับสิทธิ์ในรอบแรก

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า วันนี้เราเห็นความคึกคักกระจายทั่วประเทศ เช่น หน้าตู้เอทีเอ็มในตลาด ที่เราไปเห็นตู้พบว่าประชาชนมีเงินในบัญชี 10,010 บาทเพราะฉะนั้นเงิน 10,000 บาท ที่ได้รับโอนในวันนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกนำไปใช้หมด จากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะนำไปซื้อปัจจัย 4 อาหาร เครื่องมือทำมาหากิน และที่ยังเห็นคนในครอบครัวที่ได้รับเงิน รวมเงินเป็นก้อนใหญ่ 20,000 บาท 30,000 บาท เพื่อนำไปซื้อสินค้าคงทน เป็นการเริ่มต้นกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีและกระจายตัวทั่วประเทศ.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระเบิดรถครู ตชด.

ทราบกลุ่มคนร้ายก่อเหตุระเบิดรถครู ตชด.สองพ่อลูก

ทราบคนร้ายก่อเหตุระเบิดรถครู ตชด.สองพ่อลูก จ.นราธิวาส แล้ว วันก่อเหตุมีแนวร่วมปฏิบัติการประมาณ 6 คน กลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่รัฐ

นายกฯ ลงพื้นที่ยะลา พบนักเรียน-ผู้นำศาสนา ปลื้มต้อนรับอบอุ่น

นายกฯ ขึ้น ฮ. ลงยะลา ทักทายเป็นภาษามลายู พบนักเรียน-ผู้นำศาสนา ท่ามกลางฝนตกโปรยปราย ปลื้มต้อนรับอบอุ่น บอกมีตรงไหนเดือดร้อน รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ลั่นอยู่ศาสนาใด-เชื้อชาติใด คนไทยด้วยกัน ขอรักสามัคคีกัน

ข่าวแนะนำ

ระทึก! ฝรั่งคลั่งจี้ภรรยา สกัดจับได้แล้ว

ระทึกกลางถนน พลเมืองดีพบเหตุชายต่างชาติคลั่ง ใช้ปืนจี้ภรรยาคนไทย ขับรถจาก อ.หลังสวน มุ่งหน้าไปทางชุมพร ในรถมีเด็ก 2 คน ล่าสุดเจ้าหน้าที่สกัดจับได้แล้ว

นายกฯ คิกออฟ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้ประชาชนเข้าชมบ้าน-ห้องตัวอย่าง

นายกฯ คิกออฟ เปิดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้ประชาชนเข้าชมบ้าน-ห้องตัวอย่าง และจองสิทธิ์ หวังยกระดับคุณภาพชีวิต มีบ้านใกล้ที่ทำงาน ลดความเหนื่อยล้า มีแรงช่วยพัฒนาประเทศ เผยหลังเปิดจองพบประชาชนกว่า 12 ล้านคน เข้าจองสิทธิ์ในเว็บไซต์จนเว็บล่ม ขณะที่ชาวบ้านมารอเข้าคิวที่สถานีกลางบางซื่อ คึกคักตั้งแต่ตี 5

กทม.คาดสัปดาห์หน้าค่าฝุ่นเป็นสีส้ม ขอภาครัฐ-เอกชน WFH 20-21 ม.ค.68

กทม. ประกาศขอความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน WFH 20-21 ม.ค.68 คาดค่าฝุ่นสัปดาห์หน้าเป็นสีส้ม มีอัตราระบายลมต่ำ ด้านผู้บริหารโรงเรียน สั่งเปิด-ปิดได้ตามหลักเกณฑ์และดุลยพินิจ

ข่าวลือไทยไม่ปลอดภัย

นายกฯ ถกเรียกความเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทย

นายกฯ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถกเรียกความเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทย หลังมีข่าวลือ ปั่นกระแสความไม่ปลอดภัย พร้อมคุยหากประเทศไหนมีความกังวล