จ.ชุมพร 6 ก.ย. – ธ.ก.ส.เดินหน้ายกระดับกาแฟชุมพร สู่ผลิตภัณฑ์กาแฟโรบัสต้าแปรรูปอันดับ 1 ของไทย ขจัดรสเปรี้ยว กลิ่นหอม ตั้งเป้าสร้างฐานชุมชนท่องเที่ยว 97 ชุมชน พัฒนาเครือข่ายท่องเที่ยวมากกว่า 290 ชุมชน สร้างรายได้ให้กับชุมชนท่องเที่ยวสะสมกว่า 50 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จังหวัดชุมพรถือเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีสภาพภูมิศาสตร์และอากาศที่เหมาะสม ธ.ก.ส.พร้อมยกระดับผู้ประกอบการกาแฟกว่า 21 เครือข่ายในจังหวัดชุมพร ด้วยการชูกาแฟโรบัสต้า ของดีจังหวัดชุมพรมาสร้างมาตรฐานในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวม การทำ Packaging การแปรรูป และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าสูง โดยเชื่อมโยงกับเครือข่ายด้านการวิจัยและเทคโนโลยีมาเติมองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนการผลิตให้ได้มาตรฐาน รวมถึงบริหารจัดการช่องทางการตลาด อาทิ การจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือการนำลูกค้าไปศึกษาดูงานผ่านโครงการต่างๆ อันเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาดและช่องทางการจำหน่าย ธ.ก.ส. ยังจัดทำฐานข้อมูล นำมาวิเคราะห์ความต้องการตลาดและกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำมาใช้ในการวางแผน คิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร รวมถึงการบริหารจัดการการผลิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค เพื่อต่อยอดสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อขยายฐานไปสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงการเติมเงินทุนให้เกษตรกรในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนผ่านสินเชื่อที่หลากหลาย เช่น สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย สินเชื่อแทนคุณ และสินเชื่อ BCG เป็นต้น
สำหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตกาแฟโรบัสต้าในจังหวัดชุมพรที่มีกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์กาแฟ การเก็บผลผลิต การตาก การสี และการคั่ว โดยใช้เวลาในการบ่มไว้กว่า 1 ปี ทำให้เมล็ดกาแฟของถ้ำสิงห์มีรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอม และไม่มีรสเปรี้ยว ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตกาแฟ เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการตากกาแฟ การใช้เครื่องจักรในการคั่วเมล็ดกาแฟ และการแปรรูปเป็นกาแฟรูปแบบต่างๆ ทำให้กาแฟถ้ำสิงห์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นกาแฟดริป กาแฟสำเร็จรูป กาแฟกระป๋องพร้อมทาน หรือลูกอมกาแฟ เป็นต้น
โดยทางวิสาหกิจชุมชนฯ ได้จำหน่ายเมล็ดกาแฟไปยังเครือข่ายชุมชนกาแฟในจังหวัดชุมพรและจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ ผ่านทางออฟไลน์และออนไลน์ และเปิดสาขาร้านกาแฟถ้ำสิงห์อีกกว่า 6 สาขาในจังหวัดชุมพร และเตรียมขยายสาขาไปยังพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ให้การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ในด้านเงินทุนสำหรับต่อยอดและหมุนเวียนธุรกิจ รวมถึงมีการสนับสนุนช่องทางการตลาด ด้วยการให้พื้นที่ด้านหน้าสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ชุมพร (สกต. ชุมพร) ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การรับรองมาตรฐาน A-Product ให้แก่ผลิตภัณฑ์กาแฟถ้ำสิงห์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค
นอกจากการผลิตกาแฟแล้ว ในกระบวนการปลูกกาแฟ วิสาหกิจชุมชนฯ ยังได้สร้างธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อใช้กักเก็บปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝน ด้วยการเจาะท่อลงในพื้นดินทั่วพื้นที่สวนและขุดบ่อบาดาลเอาไว้ เพื่อให้น้ำฝนที่ตกลงมาโดนดูดซับผ่านท่อและพื้นดินลงไปในชั้นใต้ดินและไหลไปรวมกันที่บ่อบาดาล ทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีน้ำใช้ตลอดปีและสามารถนำน้ำบาดาลที่กักเก็บไว้มาใช้ในฤดูแล้งได้ตลอด ซึ่งถือเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ชุมพรเป็นจังหวัดที่มีทัศนียภาพที่งดงาม ทั้งทะเล ภูเขา ป่าไม้ และมีผลไม้หลากหลายชนิด ซึ่ง ธ.ก.ส. มีนโยบายสนับสนุนผ่านโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (BAAC Agro-Tourism) โดยนำจุดเด่นของชุมชนมาพัฒนา ต่อยอด และวางแนวทางการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายท่องเที่ยวให้เข้มแข็ง เพื่อสร้างโอกาส สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้แก่ ผาตาอู๊ด ถ้ำสิงห์ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติและวิถีชุมชน เช่น การกางเต็นท์ ชมทะเลหมอกที่ จุดชมวิวเขาถ้ำศิลางู เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวยังสามารถเข้ามาเยี่ยมชมไร่กาแฟ พร้อมชมกระบวนการผลิตและชิมกาแฟโรบัสต้าที่ดีที่สุดได้อย่างเต็มที่ โดย ธ.ก.ส. ตั้งเป้าสร้างฐานชุมชนท่องเที่ยวทั่วประเทศ สะสม 97 ชุมชน พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร 12 เส้นทาง และพัฒนาเครือข่ายท่องเที่ยวมากกว่า 290 ชุมชน โดยคาดหวังว่าจะสามารถ ดึงนักท่องเที่ยวได้กว่า 200,000 ราย และสร้างรายได้ให้กับชุมชนท่องเที่ยวสะสมกว่า 50 ล้านบาท.- 515- สำนักข่าวไทย