กรุงเทพฯ 6 ก.ย. – กรมสรรพากรเดินหน้ายกระดับเก็บภาษี แพลตฟอร์มออนไลน์ ธุรกิจขนาดใหญ่ข้ามชาติ
ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2567 จัดเก็บภาษีได้กว่า 1.963 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 8,482 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 47,911 ล้านบาท หรือกว่าร้อยละ 2.5 สะท้อนเศรษฐกิจของประเทศเริ่มดีขึ้น ประกอบกับมาตรการ “Easy E-Receipt” กระตุ้นการซื้อขาย ผ่านร้านค้าออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ จึงคาดว่าจะเกินเป้าหมายทั้งปี สอดคล้องกับสภาพัฒน์ มองแนวโน้ม GDP ปี 2567 ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 จากตัวเลข GDP ครึ่งปีที่ขยายตัวต่ำที่เพียงร้อยละ 1.9
กรมสรรพากร เดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้กำหนดให้ ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม คาดว่าเริ่มจัดเก็บได้ มี.ค.ปี 68 ในช่วงนี้หากซื้อของผ่านออนไลน์ เมื่อนำเข้าต้องเสียภาษี VAT ทุกราย โดยกุลกากรจัดเก็บนำส่งให้กรมสรรพากร สำหรับกองทุน Thai ESG หักลดหย่อนภาษีได้ 3 แสนบาทต่อรายนั้น ปกติกองทุนจะเริ่มโปรโมททำตลาด และนักลงทุนจะเริ่มซื้อกองทุนในช่วงปลายปี เพื่อส่งเสริมการออมเงินในระยะยาว
รวมทั้งเร่งเสนอกฎหมายต่อรัฐบาลใหม่ เตรียมความพร้อมรองรับการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม ตามหลักการ Pillar 2 การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ กำหนดให้กลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติขนาดใหญ่เสียภาษีเงินได้ในอัตราภาษี ที่แท้จริงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 และเสนอแก้ไขกฎหมายสรรพากรมาตรา 41 กำหนดให้ ทั้งคนไทยและต่างชาติ เมื่ออาศัยอยู่เมืองไทยเกิน 180 วัน หากออกไปลงทุน ค้าขาย การจ้างงาน ฝากเงิน มีรายได้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ต้องแจ้งเสียภาษีเงินได้ โดยเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับกลุ่มประเทศ CECD ไม่ว่าจะนำเงินเข้ามาในประเทศหรือฝากเงินไว้ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีกับสรรพากรไทย.-515- สำนักข่าวไทย