กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ 108.79 เพิ่มขึ้น 0.35% จากสินค้าในกลุ่มอาหารปรับราคาสูงขึ้น คาดทั้งปีเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ระหว่าง 0.0-1.0%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ 108.79 เพิ่มขึ้น 0.35% โดยปัจจัยสำคัญมาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และอาหารสำเร็จรูป เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง และอาหารตามสั่ง ขณะที่สินค้ากลุ่มพลังงาน ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊ซโซฮอล์ ราคาปรับตัวลดลง แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศ พบว่าเดือนกรกฎาคม 2567 อัตราเงินเฟ้อของไทยสูงขึ้น 0.83% ยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ เป็นอันดับ 10 จาก 128 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว)
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 สูงขึ้น 0.15% ตามการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 0.30% ปรับสูงขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป และผลไม้สด ข้าวสารเจ้า ไข่ไก่ ขณะที่เนื้อสุกร มะนาว ค่ากระแสไฟฟ้า ราคาปรับลดลงจากเดือนที่ผ่านมา และหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.03% จากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ
สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลกระทบจากอุทกภัยทำให้ราคาผักสดและผลไม้สดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแหล่งเพาะปลูกในบางพื้นที่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความไม่แน่นอนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งทางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ ฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดูไบในปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ หรืออาจจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวระดับต่ำ การลดราคาสินค้าและการแข่งขันในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกในประเทศ และการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทำให้สินค้าจำนวนมากปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
“กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 (ค่ากลางร้อยละ 0.5) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง ส่วนดิจิทัลวอลเล็ตส่วนแรกที่จะจ่ายเดือนกันยายนนี้ ไม่ส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้า แต่ขณะเดียวกันกลับจะส่งผลต่อการเพิ่มกำลังซื้อมากกว่า” นายพูนพงษ์ กล่าว. -517-สำนักข่าวไทย