ชี้ยังมีป้ายสติกเกอร์ผู้มีอิทธิพลอยู่อีกราว 20 ป้ายที่จ่ายส่วย จนท.

กรุงเทพ 4 ก.ย.- สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ขอต่อต้านการจ่ายส่วยทุกรูปแบบ พร้อมระบุยังมีป้ายสติกเกอร์ผู้มีอิทธิพลอยู่อีกราว 20 ป้าย ที่จ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่และยังไม่โดนตรวจสอบ


สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตเรียกรับส่วยรถบรรทุก ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรถบรรทุก รายละ 100,000 บาท เพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้โดยไม่ถูกจับกุม ซึ่งกระทำการโดยชุดเฉพาะกิจ นําโดยนาย น. (นามสมมุติ) ซึ่งในขณะเกิดเหตุ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนัก ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิดในการบรรทุกน้ำหนักเกิน ได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถบรรทุก และนาย อ. (นามสมมุติ) ซึ่งในขณะเกิดเหตุ ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง เบื้องต้นทราบว่ามีชุดเฉพาะกิจดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 10 ชุด โดยตั้งแต่ปี 2562-2566 มีผู้เสียหายรวมมากกว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 200 ล้านบาท และเงินส่วยหมุนเวียนแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3,000,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กับ หน่วยงานภาครัฐเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาส่วยอย่างมีระบบซึ่งทางสหพันธ์ขอต่อต้านระบบส่วยทุกรูปแบบให้หมดไป แต่ต้องยอมรับว่า ระบบส่วยยังมีอยู่และทำมานานแล้ว เป็นทฤษฎีสมประโยชน์ ทั้งผู้ให้ผู้รับได้รับประโยชน์ทั้งคู่ดังนั้นจึงปราบปรามยาก แต่ก็ต้องทำซึ่งที่ผ่านมาได้มีการรณรงค์ไม่ให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกิน เช่น รถปิกอัพต้องบรรทุกไม่เกิน 2.2 ตัน รถสี่ล้อต้องบรรทุกไม่เกิน 5.5 ตัน รถหกล้อต้องบรรทุกไม่เกิน 15 ตัน รถสิบล้อต้องบรรทุกไม่เกิน 25 ตัน รถพ่วงสิบแปดล้อต้องบรรทุกไม่เกิน 50 ตันบวก 500 กิโลกรัม เป็นต้น


ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยังระบุด้วยว่า แม้ว่าทางการจะเข้มงวดแต่ขณะนี้ยังมีป้ายสติ๊กเกอร์ของผู้มีอิทธิพลกระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณ 20 ป้ายซึ่งเจ้าของป้ายสติ๊กเกอร์เหล่านี้จะจ่ายส่วยให้หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า การแก้ปัญหาส่วย ควรจะต้องเริ่มแก้ที่ผู้รับเหมารายใหญ่ของรัฐก่อนเพราะการบรรทุกน้ำหนักเกิน นอกจากจะทำให้ตัวยานพาหนะชำรุดทรุดโทรมแล้ว ถนนหนทางก็จะพังตามมา ต้องใช้งบประมาณภาษีของชาติซ่อมแซมถนนปีละหลายหมื่นล้าน รวมทั้งจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาอีกด้วยซึ่งทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน ส่วนเรื่องคดีที่จับกุมไปเมื่อวานนี้ ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและหน่วยงานต้นสังกัดว่าจะมีบทลงโทษอย่างไร . 513.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ