กรุงเทพฯ 4 ก.ย.- กกร. จับตาหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ เชื่อ ครม.ใหม่มีเสถียรภาพ เตรียมยื่นสมุดปกขาวฉบับใหม่ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า กกร.ยินดีที่รัฐบาลสามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ได้อย่างรงดเร็ว พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่เพียง 7 เดือนแรกของปี 2567 มีโรงงานปิดตัวแล้วกว่า 757 แห่ง หนี้ครัวเรืออยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจนอกระบบมีขนาดใหญ่ ที่ประชุม กกร.จึงได้เร่งจัดทำสมุดปกขาว นำเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
“เชื่อว่ารัฐบาลมีเอกภาพ แม้จะมีหลายพรรค แต่เชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหา โดยปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน คือการส่งผ่านเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว การส่งผ่านเม็ดเงินไปยังกลุ่มเปราะบาง โดยสมุดปกขาวจะเร่งปรับปรุงแก้ไขของเดิมและนำเสนอรัฐบาลเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม กกร.จับตาหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่จะเป็นใคร แม้จะมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะรับหน้าที่เป็นหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ” นายผยงกล่าว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า พรรคร่วมฯ น่าจะมีความเป็นเอกภาพ เสียงในสภาน่าจะเพียงพอ แต่ยังต้องดูว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งตนเองเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งรองนายกฯ หนึ่งคนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนงายด้านเศรษฐกิจ เช่น ช่วงโควิด19 ระบาด นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยุคนั้นได้นำภาคเอกชนเดินทางไปเจรจาขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีน ให้นำผลไม้เข้า การที่รองนายกรัฐมนตรีคุยกันโดยตรงทำให้ได้ผลอย่างรวดเร็ง
“เศรษฐกิจเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญที่สุด จึงอยากให้มีรองนายกฯ มาช่วยดู และประสานกับภาคเอกชน ซึ่งกกร.พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ” นายสนั่นกล่าว
ด้านนายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ครม.ใหม่ชุดนี้ เมื่อเทียบกับชุดก่อนหน้า ถือว่าชุดนี้น่าจะสดใสกว่าชุดที่แล้ว โดยวันที่เข้าพบนายกรัฐมนตรี ส.อ.ท.ได้เสนอเรื่องการคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่รวม 3-4 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนของผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนของประชาชนได้มีการคืนค่าประกันไปแล้ว เหลือเฉพาะในส่วนของภาคเอกชน ซึ่งล่าสุดทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการหารือแล้ว -517-สำนักข่าวไทย