กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.13-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.35 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 33.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ
น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทอ่อนค่ากลับมา (หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 13 เดือนที่ 33.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา) สอดคล้องกับหลาย ๆ สกุลเงินในเอเชีย และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โดยมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ในการประชุม FOMC เดือน ก.ย.นี้ หลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของตลาด (US PCE Price Inflation +2.5% YoY ในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ +2.6% YoY และทรงตัวจากระดับ +2.5% YoY ในเดือน มิ.ย. ส่วน Core PCE Price Inflation +2.6% YoY ในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ +2.7% YoY และทรงตัวจากระดับ +2.6% YoY ในเดือน มิ.ย.) ทั้งนี้ เงินเยนและเงินหยวนไม่ได้รับแรงหนุนมากนักแม้ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. จะออกมาดีกว่าที่คาดก็ตาม
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ที่ประกาศออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ทำให้มีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามาในตลาด นอกจากนี้บาทยังได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าจากเงินทุนต่างประเทศ (Flow) ช่วงสิ้นเดือน และการนำเข้าทองคำเมื่อคืนวันศุกร์ หลังราคาลดลง 32 ดอลลาร์/ออนซ์. -511-สำนักข่าวไทย