เริ่มแล้วงาน “Thailand Focus 2024”

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – เริ่มแล้ว “Thailand Focus 2024” ขณะที่ “เผ่าภูมิ” ชี้ตลาดหุ้นสะท้อนการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ-ศักยภาพของธุรกิจ รัฐพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน ยืนยัน digital wallet ไปต่อ แต่ให้รอความชัดเจน แย้มตรงใจประชาชน


นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “Thailand Focus 2024 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Embracing Change, Igniting Growth” ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง จุดพลังการเติบโต โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 ภายใต้แนวคิด “Adapting to a Changing World” นำเสนอความพร้อมและศักยภาพของภาคเอกชน ตลาดทุน และเศรษฐกิจไทย ที่แม้เผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์โลกที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้บริหารจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ตลาดเงิน ตลาดทุน ร่วมให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันต่างชาติ มี บจ. กว่า 113 บริษัทนำเสนอข้อมูลการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ลงทุนสถาบัน

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า งาน Thailand Focus เป็นงาน ประจำปีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับความสนใจค่อนข้างสูง สอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยที่เรียกเรียกว่าเป็นช่วงที่กำลังผงกหัวขึ้นซึ่งทุกอย่างก็จะสะท้อนไปที่ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเศรษฐกิจมีความน่าสนใจมากขึ้นมีทิศทางในทางที่ดีมากขึ้น ก็จะมีตัวเลขผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากขึ้น ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้รับความคิดฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่ายทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย ก.ล.ต. หน่วยงานกำกับต่างๆ ถึงความมีประสิทธิภาพของหน่วยงานกำกับดูแล และความน่าดึงดูดของตลาดหุ้นไทย


ตลาดหุ้นสะท้อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สะท้อนศักยภาพของธุรกิจ ทั้งในมิติการเติบโตของจีดีพี และในมิติภาคเอกชนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ไปพร้อมกัน เราต้องการให้โตไปพร้อมๆกันทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เมื่อผลประกอบการดีก็จะสะท้อนมาในตลาดหุ้น น่าดึงดูดของตลาดหลักทรัพย์ก็จะมากขึ้นซึ่งนักลงทุนจะพิจารณาศักยภาพการเติบโตในระยะยาว 5- 10 ปี

“ผมชอบพัฒนาจากตลาดทุนจากแก่น แต่แน่นอนต้องใช้เวลา เพระฉะนั้นต้องพัฒนาส่วนอื่นควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างความน่าสร้างความน่าดึงดูด เราจึงมีกองทุนวายุภักดิ์ กองทุน ThaiESG การพัฒนาการกำกับดูแลให้เข้มงวด มีประสิทธิภาพประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากขึ้น” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้รอการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องโดยระบุว่าแนวคิดและดีเอ็นเอยังเป็นเช่นเดิม จึงมีความเป็นไปได้สูงที่แนวคิดและนโยบายตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาจะถูกดำเนินการต่อเนื่องให้แล้วเสร็จ โดยในหลักการ กรอบแนวคิดของนโยบายเศรษฐกิจ ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย คือต้องการดึงดูดเม็ดเงินใหม่เข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ , ไฟแนนซ์เชียล ฮับ หรืออื่นๆ ทั้ง 8 ฮับ ในรัฐบาลที่แล้ว


สำหรับ โครงการศูนย์กลางการเงิน (Financial Hub) มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมา ซึ่งจะมีการแก้กฎหมายใหม่ คาดว่าใช้เวลาอีก 2 เดือนจะเป็นรูปเป็นร่าง โดยแข่งกับประเทศที่เป็นฮับของโลกอย่าง สิงคโปร์ดูไป ต้องทำให้มีความน่าดึงดูดเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี และแรงจูงใจอื่นที่ไม่ใช้ภาษี อาทิ ความง่ายของการเข้าเมืองวีซ่าสิทธิประโยชน์ของแรงงาน รวมไปถึงระบบนิเวศ ของประเทศที่ต้องมีการพัฒนาขึ้น เพื่อให้มีความพร้อมในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ซึ้งขณะนี้มีการพัฒนนระบบค้ำประกัน ในการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) ซึ่งอีกไม่นานจะนำเข้า ครม. โดยกระทรวงการคลัง ดูเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีในอัตราที่เหมาะสม และระบบนิเวศให้เหมาะสม ซึ่งมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายเข้ามาซึ่งพร้อมรับฟัง

ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันไปต่อ แต่อยากให้รอการแถลงนโยบาย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการรับแนวคิดที่สะท้อนอยู่ในสื่อต่างๆ เพื่อให้มีการกระจายเม็ดเงินได้รวดเร็วและเหมาะสมมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงจุด เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ เชื่อว่าจะเป็นข่าวดีแก่พี่น้องประชาชน น่าจะได้เเห็นในเดือนกันยายนนี้ ขณะนี้ยอดอยู่ที่ประมาณ 30 ล้าน รายชื่อ คาดว่าจะไม่มีการขยายเวลาการลงทะเบียน.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย