รฟม.ฉลองครบรอบ 32 ปี ตอบโจทย์คนเมือง

กรุงเทพ 21 ส.ค. – 32 ปี รฟม. “Go Green Grow Together” สานต่อภารกิจพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้ามหานคร ตอบโจทย์การเดินทางของคนเมืองอย่างยั่งยืน


การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ฉลองครบรอบ 32 ปี วันคล้ายวันก่อตั้ง รฟม. ตอกย้ำแนวคิด “Go Green Grow Together” ด้วยการสานต่อภารกิจพัฒนาและขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมืองที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น เชื่อมต่อขนส่งสาธารณะระบบราง – ล้อ – เรือ ยกระดับการเดินทางแบบไร้รอยต่อให้แก่คนเมือง ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้วยความใส่ใจและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในทุกมิติ ผ่านกระบวนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “Green Construction” เพื่อสร้างระบบขนส่งมวลชนพลังงานสะอาด “Green Transportation” พร้อมทั้งรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “Green Office” แก่บุคลากรของ รฟม. ตลอดจนชุมชนในแนวสายทางโครงการรถไฟฟ้า มุ่งสู่เป้าหมายการสร้างสังคมสีเขียว “Green Society” ที่ยั่งยืนสำหรับคนทุกคน และยังร่วมกันทำกิจกรรมระบายสีกระถางสำหรับปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ เพื่อส่งต่อแนวคิด “Go Green Grow Together” สู่สาธารณะอีกด้วย ในโอกาสนี้ รฟม. ยังได้จัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์อันดีกับชุมชนรอบๆ ตามแนวสายทางโครงการรถไฟฟ้า ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่น้องๆ นักเรียนจากโรงเรียนที่อยู่ตามแนวสายโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญของหน่วยงาน

นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รักษาการแทน ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน รฟม. มีโครงการรถไฟฟ้าในการกำกับที่อยู่ในช่วงของการเปิดให้บริการแล้ว จำนวน 4 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้ารางหนัก (Heavy Rail) ที่ให้บริการเดินรถในประเทศไทยมาแล้วมากกว่า 20 ปี ในขณะที่รถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) และสายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการเปิดให้บริการ ทั้งภาครัฐโดยกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง รฟม. และภาคเอกชนผู้รับสัมปทาน จะบูรณาการความร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อสั่งสมความเชี่ยวชาญ เร่งสร้างมาตรฐานการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย 100% โดยเร็วที่สุด ไม่เพียงเท่านี้ รฟม. ยังได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาบริการที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ระบบชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless ระบบบริหารจัดการที่จอดรถอัตโนมัติ (MRTA Smart Parking) ซึ่งจะทำงานควบคู่กับแอปพลิเคชัน MRTA Parking บนสมาร์ทโฟน การเพิ่มช่องจอดรถด้วยที่จอดรถอัตโนมัติ (Robot Parking) ในลานจอดแล้วจร สถานีห้วยขวาง สถานีสามย่าน และสถานีเพชรบุรี และภายในปีนี้ รฟม. เตรียมเปิดจุดให้บริการ EV Charger ที่ตอบสนองต่อเทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (รถยนต์ EV) ของคนเมือง รวมถึงบริการ Taxi EV เพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าเพิ่มอีกด้วย ในขณะเดียวกัน รฟม. ยังให้ความสำคัญกับการดูแลประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานครของผู้ใช้บริการ ด้วยทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและกู้ภัยทั้งของ รฟม. เอง และของผู้รับสัมปทาน/ผู้ประกอบการเดินรถ ซึ่งสามารถประสานการทำงานร่วมกันเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่คนทุกคนที่เข้ามาอยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้ามหานครได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดให้มีบริการ MRTA Lost and Found ช่วยติดตามทรัพย์สินที่สูญหายขณะใช้บริการรถไฟฟ้ามหานครกลับคืน และ รฟม. ยังมีแผนที่จะสื่อสารเชิงรุกในการรณรงค์สร้างจิตสำนึกสาธารณะในกลุ่มผู้ใช้บริการให้มากขึ้น เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานครที่เป็นมิตรต่อคนทุกกลุ่ม ทุกประเภท จูงใจให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดีและเลือกใช้รถไฟฟ้ามหานครที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดเป็นทางเลือกหลักในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด อันเป็นสาเหตุสำคัญของการก่อมลพิษทางอากาศ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน


ในส่วนของภารกิจกำกับการดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า รฟม. ยังเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลทั้งในด้านความปลอดภัย และมาตรการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี มีความก้าวหน้างานโยธา 69.99% ความก้าวหน้างานระบบรถไฟฟ้า 49.95% ความก้าวหน้าโดยรวม 63.25% (ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2568 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีความก้าวหน้างานโยธา 38.22% (ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2567) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2571 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และการสำรวจสาธารณูปโภคต่างๆ โดยคาดว่าจะก่อสร้างงานโยธาและติดตั้งระบบรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ สามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2573 ทั้งนี้ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่งานโยธาเสร็จสิ้นแล้วนั้น รฟม. ได้กำชับให้ผู้รับสัมปทานเร่งจัดหาขบวนรถไฟฟ้าและติดตั้งระบบรถไฟฟ้าโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ก่อนในปี 2571 ทั้งนี้ รฟม. ยังได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคมให้ศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย – ลำสาลี (บึงกุ่ม) เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการร่วมกับโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ประกอบการเสนอขออนุมัติโครงการฯ ต่อไป นอกจากนี้ รฟม. ยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนในเขตเมืองของจังหวัดภูมิภาคอีก 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครราชสีมา และพิษณุโลก ซึ่งปัจจุบัน รฟม. ได้เสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินโครงการ และรูปแบบการลงทุนต่างๆ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

รฟม. ยังยืนยันในเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาองค์กรในทุกมิติอย่างรอบด้าน โดยมีการดำเนินงานกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility : CSR) อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบและสร้างความพึงพอใจให้แก่กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม มีการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ มีระบบการบริหารจัดการที่ดี เป็นที่น่าเชื่อถือในสายตาของประชาชน ขณะเดียวกัน รฟม. ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรให้เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ควบคู่กับการบ่มเพาะจิตสำนึกเพื่อสังคม ยึดมั่นในหลักการเข้าถึงและเท่าเทียมของคนทุกคน ทุกประเภท คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บุคลากร รฟม. สามารถสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการสานต่อภารกิจของ รฟม. ไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นผลประโยชน์คืนสู่สาธารณะอย่างยั่งยืน รฟม. ตั้งเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปสู่รัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศที่ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจ รวมถึงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตลอดจนสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศต่อไป.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือน 6 จังหวัดรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 10 ก.ค.- กรมอุตุฯ เตือน 6 จังหวัด บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี และตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะในบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 11-13 ก.ค. ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน […]

“ทักษิณ” ประกาศเลิกคบ “ฮุน เซน”

พญาไท 9 ก.ค. – “ทักษิณ” ประกาศเลิกคบ “ฮุน เซน” ยอมรับช็อกลูกสาวถูกปล่อยคลิป ชี้ไม่มีการรบ เผยผลประโยชน์สีเทาจุดแตกหัก “ฮุน เซน” เชื่อปมชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ถึงขั้นสงคราม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “55 ปี NATION : ผ่าทางตันประเทศไทย” Chapter 3 บก. ถาม “ทักษิณ ชินวัตร” ณ ห้องพญาไท 4 ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ดำเนินรายการโดย 3 บก. บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่นระบุจุดเริ่มต้นของรอยร้าวที่ปะทุขึ้นสู่สาธารณะมาจากการปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร และฮุน เซน โดย ดร.ทักษิณ เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า เดิมทีมีการนัดหมายให้นายกฯ แพทองธาร สนทนากับฮุน เซน ผ่านการประสานงานของ “พี่ฮวด” โดยมีรัฐมนตรีคนสำคัญร่วมรับฟังด้วย ทั้งนายภูมิธรรม […]

ทบ.แจงปมทหารไทย-กัมพูชา ปะทะคารมที่ช่องอานม้า

9 ก.ค.- โฆษกกองทัพบก แจงทหารไทย-กัมพูชา ปะทะคารมที่ช่องอานม้า ปมทหารเขมรอยากรู้อยากเห็น ขยับเข้าใกล้พื้นที่ไทยเกินขอบเขตที่กำหนด จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปภาพทหารเขมรปะทะคารมกับทหารพรานของไทย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 9 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ก.ค.68 เวลา 09.00 น. โดยสื่อของฝ่ายกัมพูชาได้นำเสนอคลิปวิดีโอการโต้เถียงระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารไทยและทหารกัมพูชา จากการตรวจสอบของหน่วยที่เกี่ยวข้องพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 2310 โดยกำลังพลประมาณ 7 นาย ได้จัดเตรียมสถานที่ เพื่อรองรับกิจกรรมภายในของหน่วย และกิจกรรมการตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชา คาดว่าฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าฝ่ายทหารไทยมีการปฏิบัติต่างไปจากวันปกติทั่วไป จึงอยากเข้ามาสังเกตการณ์ใกล้ๆ แต่เมื่อเข้าใกล้พื้นที่มากกว่าขอบเขตที่กำหนด ทหารไทยจึงแสดงตนเข้าชี้แจง และขอให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม เป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกันด้วยวาจาตามที่ปรากฏข่าว แต่ทั้งสองฝ่ายได้มีการอธิบายทำความเข้าใจกันจนเป็นที่เข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ บริเวณที่ฝ่ายไทยจัดกิจกรรมมิได้เป็นการรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นิมนต์เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย ลาสิกขา เซ่นคลิปลับ

กรุงเทพฯ 9 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” นิมนต์เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย ลาสิกขา เซ่นคลิปลับ ขณะที่ ผช.เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ไปขอสึกที่วัดดังเชียงใหม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ที่ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามตัวเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี พระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานคลิปวิดีโอร่วมหลับนอนกับสีกา ก. เช่นเดียวกัน เพื่อตามตัวมาพูดคุยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว ภายหลังทราบว่าเจ้าตัวกำลังเดินทางออกจากวัดมาที่หน้าวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เพื่อมาซื้อจีวรผืนใหม่ จึงนำกำลังไปดักนิมนต์ได้ที่แยกไฟแดงพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนเจรจาพร้อมนำหลักฐานคลิปและภาพออกมาแสดงให้เจ้าตัวรับทราบ จนทำให้จำนนต่อหลักฐาน ยอมตัดสินใจลาสิกขา เพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนิมนต์เดินทางต่อมายังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อกล่าวคำลาสิกขา ต่อหน้าองค์พระประทานในพระอุโบสถวัดไตรมิตร ขณะเดียวกันในส่วนของการติดตามหาตัวผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เบื้องต้นทราบว่าติดตามเจอตัวที่วัดพระธาตุสุนันทา ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา แสดงหลักฐานให้เจ้าตัวได้รับทราบ เพื่อให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการยอมสึกขาดจากความเป็นพระด้วย […]