กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ระบุได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก กรณีมีกลุ่มคนจีนใช้คนไทยเป็นนอมินีรับส่งสินค้าเข้าไทยในลักษณะเป็นกลุ่มขนส่งศูนย์เหรียญจีนมากขึ้น อยากให้ภาครัฐดูแลใช้กฎหมายไทยคุ้มครองด่วน พร้อมให้สมาชิกโลจิสติกส์ไทยช่วยติดตามสอดส่องขนส่งสินค้าที่เข้ามาควรใช้บริการโลจิสติกส์ไทยเท่านั้น และร่วมจัดงานข่าว DITP และ RX Tradex เปิดงานแสดงสินค้า “TILOG – LOGISTIX 2024”ที่ไบเทค
นายเฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์ นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงปัญหารถขนส่งศูนย์เหรียญจากจีนที่กำลังจะหนักขึ้นและเกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจด้านขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของไทยขณะนี้ว่า ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกของสมาคมหลายรายพบพฤติกรรมด้านขนส่งสินค้า โดยเฉพาะมีการขนส่งในลักษณะขนส่งศูนย์เหรียญจากจีนเข้าในไทยมากขึ้น โดยอาศัยจังหวะใช้คนไทยถือหุ้นร้อยละ 51 และต่างชาติถือหุ้นในกิจการขนส่งดังกล่าวร้อยละ 49 แต่การบริหารงานกลับเป็นคนจีนทั้งหมดโดยนำเข้าสินค้าจากจีนมาไทยใช้รถขนส่งจากจีนเข้าถึงโกดังในเมืองไทยไม่ต้องผ่านรถขนส่งของคนไทยแต่อย่างใด ทำให้กลุ่มโลจิสติกส์ไทยเริ่มได้รับผลกระทบต่อการกระทำในลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นและหากไม่ป้องกันปัญหาเหล่านี้เชื่อว่าอีกไม่นานไทยจะเป็นฐานขนส่งสินค้าทางผ่านของจีนโดยไร้มาตรการป้องกัน
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สมาชิกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาและหามาตรการป้องกันเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะหากผู้ขนส่งรายใดไม่รับใบอนุญาตไม่ควรเป็นผู้ส่งสินค้าเข้ามาหรือจะต้องทำตามกฎหมายการประกอบธุรกิขของคนต่างด้าวอย่างจริงจังเพื่อสกัดผู้ที่จะเข้ามาต้องดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายของไทย ขณะเดียวกันในส่วนของภาคเอกชนจะเน้นให้สมาชิกผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกว่า 250 บริษัท จะต้องช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ โดยหากบริษัทข้ามชาติจะมีการขนส่งสินค้าเข้ามาในไทยจะต้องใช้บริการโลจิสติกส์ไทยเท่านั้น ซึ่งปัญหาขนส่งศูนย์เหรียญจากจีนที่เริ่มแพร่ระบาดขึ้นในไทยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายออกมาเป็นมูลค่าได้ แต่หากหน่วยงานภาครัฐปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นนานและไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายออกมาคุ้มครองในอนาคตความเสียหายจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงาน กล่าวว่าโลจิสติกส์เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและยังเป็น 1 ใน 7 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ การบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าและบริการของไทยให้สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ต้องปรับวิธีการทำงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการโลจิสติกส์ให้สามารถรับมือกับความท้าทาย และแสวงหาความร่วมมือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ต่างประเทศ เป็นการสร้างแต้มต่อและความเชื่อมโยงทางระบบโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง งาน TILOG – LOGISTIX 2024 จะมีบทบาทสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความพร้อมและความร่วมมือของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย ในการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเป็นเวทีในการขยายโอกาสทางธุรกิจและความร่วมมือ ระหว่างผู้ประกอบการโลจิสติกส์และผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดงในงานนี้
นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่างาน ‘TILOG-LOGISTIX 2024’ นี้ จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูลองค์ความรู้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยในการขยายเครือข่ายทางธุรกิจ ให้พร้อมรับกับการแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า อีกทั้งยังจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยได้ยกระดับคุณภาพมาตรฐานของการบริการเพื่อคงความเป็นศูนย์กลางของธุรกิจโลจิสติกส์ในภูมิภาคต่อไป ดังนั้นการจัดงานในปีนี้ โดยมีผู้ประกอบการกว่า 160 บริษัท นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีของสินค้าและบริการด้านโลจิสติกส์กว่า 415 แบรนด์ จาก 25 ประเทศ ตั้งเป้าผู้เข้าชมงานในปีนี้จะมากกว่า 9,000 ราย และคาดว่าจะมีมูลค่า
การซื้อขายในงานไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท โดยงาน “TILOG – LOGISTIX 2024” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 สิงหาคมนี้ ณ ไบเทค ฮอลล์ 98 เป็นต้น.- 514-สำนักข่าวไทย