กทม. 15 ส.ค.- รมว.อุตสาหกรรม สั่งเร่งสกัดเรือขนขยะพิษไม่ให้เข้าไทย ตรวจสอบล่าสุดพบทิศทางเรือมุ่งหน้าสิงคโปร์
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณี สื่อต่างประเทศรายงานอ้างแถลงการณ์จากกลุ่ม NGO เรียกร้องให้ประเทศที่เกี่ยวข้องเร่งสกัดเรือขนขยะพิษกว่า 800 ตัน หลังหลบหนีการสกัดจับจากแอฟริกาใต้ และกำลังมุ่งหน้ามายังแหลมฉบัง ประเทศไทย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ว่า เมื่อวานนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบผ่านกระทรวงต่างๆ โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ตรวจสอบข้อมูลในทางลับ ทำให้ตอนนี้ทราบที่มาที่ไปของเรือดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ทำได้คือตรวจสอบและสกัดไม่ให้เข้ามาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามก็ต้องตรวจสอบดูว่าที่มาของเรือขยะพิษดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ เป็นไปตามหรือขัดสนธิสัญญาใดๆ หรือไม่ และจากการตรวจสอบล่าสุดทำให้รู้แล้วว่าทิศทางของเรือจะไปอยู่ตรงไหน
“ล่าสุดทราบว่าเรือดังกล่าวมีทิศทางมุ่งหน้าสู่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเราได้ตรวจสอบสกัดกั้นไม่ให้เข้ามาไทย อย่างไรก็ดีการจะขนสินค้า หรือ กากอุตสาหกรรมเข้ามาประเทศไทยจะต้องมีการขออนุญาตก่อน ตามสนธิสัญญา ทั้งนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด” น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าว
ส่วนกรณีแพลตฟอร์มต่างชาติที่เข้ามาในไทย อย่าง TEMU ก็ยอมรับว่าสร้างความกังวลให้กับรัฐบาล ซึ่งหลายกระทรวงก็ได้ร่วมมือการดูแลผู้ประกอบการ ดูแลผู้บริโภค ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมีความชัดเจน ว่าผู้บริโภคสามารถซื้อของถูกได้แต่ต้องเป็นถูกและดีและมีคุณภาพ เพราะฉะนั้นแพลตฟอร์มที่เข้ามา สินค้าที่ขายก็ต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด สินค้าจีน กระทบทุกอุตสาหกรรมไทยหลายกลุ่ม ไม่เฉพาะอุตสาหกรรมขนาดเล็ก อุตสาหกรรมใหญ่ก็เจอ เช่น เหล็ก แต่ทั้งนี้ก็ต้องรักษาสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-จีน ซึ่งเราส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนจำนวนมาก
“ต้องยอมรับว่าพอเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่การดำเนินการจับกุมหรือตรวจสอบก็ค่อนข้างจะยาก ล่าสุดได้มีการหารือกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่าจะมีการเชิญแพลตฟอร์มมาพูดคุย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องค่อยค่อยทำกันไป เช่นเดียวกับมาตรการทางภาษี หากจะต้องทำก็คงต้องใช้เวลาแต่ทั้งนี้ก็ต้องเริ่มทำแล้ว ขณะเดียวกันเราก็ต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ ถ้าเขาเข้ามาเราก็ต้องอยู่ให้ได้ ส่วนสินค้าเราที่ต้องออกไปโดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียน ยางพารา ก็จะต้องไม่กระทบเช่นกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องบริหารจัดการให้ดี” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว
ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทางกระทรวงอุตสาหกรรมก็พยายามหาแนวทางช่วยเหลือให้เอสเอ็มอีมีความแข็งแรง ทางด้านความรู้ และเงินทุน พร้อมทั้งพยายามลดอุปสรรคให้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุนราคาพลังงาน กระทรวงก็พยายามสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งพลังงานที่มีราคาเหมาะสม การปลดล็อกโซล่ารูฟ และโซล่าฟาร์ม -517 .-สำนักข่าวไทย