จุฬาฯ จัดเสวนา “ระดมคิด พลิกวิกฤตคางดำ”

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – จุฬาฯ จัดเสวนา “ระดมคิด พลิกวิกฤตคางดำ” ชี้วิกฤติปลาหมอคางดำกระทบเศรษฐกิจ-ระบบนิเวศ พบมีการนำเข้ามากกว่า 1 ครั้ง จากหลายพื้นที่ ยากที่จะกำจัด แต่ยังมีความหวัง เสนอวิธีช็อตด้วยไฟฟ้า-ปรับแต่งจีโนมเปลี่ยนเพศปลา


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ ร่วมกับสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ (ARRI Chula) จัดงานเสวนาวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 24 “ระดมคิด พลิกวิกฤตคางดำ” โดยเชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบันและหน่วยงาน เพื่อร่วมกันหาทางออกและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทย พร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากสังคม ณ เรือนจุฬานฤมิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร รักษาการอธิการบดีจุฬาฯ และ ศ.ดร.วรณพ วิยกาญจน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ กล่าวเปิดงาน

ศ.ดร.วิเลิศ เปิดเผยว่า ปัญหาปลาหมอคางดำเป็นปัญหาวิกฤตที่ส่งผลทางเศรษฐกิจและระบบนิเวศของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีบทบาทในการให้คำตอบแก่สังคมเมื่อเกิดปัญหาขึ้นในประเทศ การเสวนาในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความคิดจากทุกภาคส่วนและผนึกความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายศาสตร์ เช่น นักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่มีความรู้ทางด้านทรัพยากรทางน้ำ วิศวกร ฯลฯ มาแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้ เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ข้อมูลจากมุมมองทางวิชาการทางด้านปลาหมอคางดำในหลากหลายมิติจากการเสวนาครั้งนี้จะนำเสนอต่อภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเรื่องปลาหมอคางดำอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป


ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ (ARRI Chula) และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในประเทศไทย ที่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ใหม่ แต่จริง ๆ เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศพูดกันมานานเป็น 20 ปี แล้ว ถึงภัยคุมคามและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งแบบรุนแรงและไม่รุนแรงต่อระบบนิเวศตามธรรมชาติ ประเทศไทยมีการนำชนิดพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาในประเทศนานแล้ว ส่วนใหญ่ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะถูกนำเข้ามาเพื่อการเกษตรและการเพาะเลี้ยง แต่ช่วงหลังมีการนำเข้ามาเพื่อเป็นปลาสวยงาม แต่เนื่องจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่ประเทศไทยนำเข้ามา ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและปากท้อง จึงทำให้เรามองข้ามผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศ อย่างเช่น กุ้งขาว เป็นต้น 

“สัตว์ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เมื่อนำเข้ามาในพื้นที่ที่ไม่เคยมีพวกเค้ามาก่อน อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบที่อาจจะรุนแรงมากหรือน้อย และอาจจะใช้เวลาให้เห็นผลกระทบช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับจำนวนของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาในพื้นที่ด้วย คงที่จะถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรที่จะให้ความสำคัญและกำหนดกฎเกณฑ์ และมาตรการเกี่ยวกับเรื่องการนำเข้ามาของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นทั้งแบบถูกต้องและไม่ถูกต้อง มีการป้องกันมากกว่าการแก้ไข เพราะถ้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นสามารถตั้งรกรากอยู่ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งได้แล้ว โอกาสที่จะกำจัดให้หมดไปคงเป็นไปได้ยาก” ศ.ดร.สุชนา กล่าว

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า จากแผนปฏิบัติการ 7 มาตรการ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567-2570 ของคณะคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีมาตรการที่ 5 ที่ระบุว่า สร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมในการกำจัด จัดทำคู่มือประชาชนและเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือการแพร่ระบาด แต่จะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับปลาหมอคางดำเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อการจัดการกับการแพร่ระบาด


“เช่น บอกว่า ไม่เหมาะเป็นอาหารมนุษย์ ไข่ปลาตากแดดไว้ 2 เดือน ยังฟักเป็นตัวได้ นกกินไข่ปลาเข้าไป ถ่ายออกมาแพร่พันธุ์ได้ ปลานิลกลายพันธุ์ผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำ กลายเป็นปลานิลคางดำ ฯลฯ หรือแม้แต่กรณีของการสื่อสารออกไปคลาดเคลื่อน ว่าปลาหมอคางดำในประเทศไทยมีดีเอ็นเอเหมือนกันหมด ฟันธงว่ามาจากบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้ว ไม่สามารถระบุได้เช่นนั้น เพราะขาดตัวอย่างลูกปลาที่เคยนำเข้ามาในอดีต มาวิเคราะห์เทียบเคียง แต่ก็ยังมีความหวัง ด้วยการนำเอาลำดับดีเอ็นเอของปลาหมอคางดำในประเทศไทย มาวิเคราะห์เทียบกับปลาหมอคางดำในประเทศอื่น ๆ ของทวีปแอฟริกา ก็จะเข้าใกล้คำตอบมากขึ้นถึงที่มาของการแพร่ระบาด ว่าเป็นปลาที่นำเข้ามาจากประเทศใด” รศ.ดร.เจษฎา กล่าว

ผศ.ดร.วันศุกร์ เสนานาญ ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า จากการศึกษาดีเอ็นเอของปลาหมอคางดำ ที่รายงานโดยกรมประมง เมื่อปี 2561-2563 พบว่ามีการรุกรานระลอกแรกที่พบพื้นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี สมุทรปราการ ประจวบฯ ชุมพร และ ระยอง บ่งชี้ว่าปลาจากทั่วประเทศ อาจมาจากการนำเข้าพื้นที่มากกว่า 1 ครั้ง นอกจากนี้ การกระจายต่างพื้นที่ที่อยู่ห่างกัน น่าจะไปโดยการนำพาเข้าไปของมนุษย์ มากกว่าที่จะไปโดยธรรมชาติ  

“บทเรียนสำคัญที่ได้จากการรุกรานของปลาหมอคางดำและความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นจำเป็นของการประเมินความเสี่ยงและวางมาตรการรับมืออย่างเหมาะสม โดยอาจต้องพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้าน รวมถึงการนำเข้าด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์” ผศ.ดร.วันศุกร์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับการควบคุมและกำจัด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มองว่าวิธีการจัดการด้วยการใช้ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการยุติการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำที่กำลังวิกฤตในขณะนี้ เดิมทีประเทศไทยเคยมีคำพูดที่ว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่มาตอนนี้ในน้ำของเรามีแต่ปลาหมอคางดำ แม้กระทั่งบ่อเกษตรกรก็ไม่รอด ในกรณีศึกษาจากต่างประเทศที่เผชิญกับการรุกรานของปลาเอเลี่ยนสปีชีส์ จะมีวิธีการจัดการด้วยการใช้ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย เช่น การจัดการด้วยเรือช็อตไฟฟ้า เครื่องช็อตไฟฟ้าแบบสะพายหลัง และตะแกรงช็อตไฟฟ้า เพราะเป็นวิธีการที่ปลอดภัย ไม่ทิ้งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว เพราะหากไม่มีปลาหมอคางดำแล้ว ก็จะสามารถสร้างระบบนิเวศน์สัตว์น้ำขึ้นมาได้ใหม่ โดยการปล่อยและเพาะพันธ์สัตว์น้ำคืนตามธรรมชาติ เพื่อทำให้ในน้ำของเรากลับมามีปลาอย่างเช่นเคย

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนงค์ภัทร สุทธางคกูล อาจารย์ประจำภาควิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เสนออีกทางเลือกหนึ่งในการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำทางชีวภาพสามารถทำได้โดยการปรับแต่งจีโนม (genome editing) ซึ่งเป็นเทคนิคที่แก้ไขรหัสพันธุกรรมในตำแหน่งที่ต้องการอย่างจำเพาะ และไม่ถือเป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) หากไม่มีสารพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตอื่นหลงเหลืออยู่ เทคนิคนี้สามารถใช้เปลี่ยนเพศปลาได้ ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วในปลานิล นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคดังกล่าวในการสร้างระบบ gene drive ที่ควบคุมประชากรยุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การใช้ระบบ gene drive นี้จะเป็นการปล่อย GMO สู่สิ่งแวดล้อม จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการปรับแต่งจีโนมเพื่อเปลี่ยนเพศ ร่วมกับการนำระบบ gene drive มาใช้ในการจัดการการระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมทั้งในด้านเทคโนโลยี และแนวทางในการป้องกันหรือลดทอนผลกระทบต่อระบบนิเวศ อีกอย่างน้อย 2-3 ปี

นายคงภพ อำพลศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมสัตว์น้ำ (นักวิชาการประมงเชี่ยวชาญ) กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง กล่าวว่า ปัจจุบันการควบคุมปลาหมอคางดำด้วยชีววิธี (Biological control) ที่กรมประมงเลือกใช้มี 2 วิธีได้แก่ 1) การปล่อยปลาผู้ล่าได้แก่ปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลาช่อน ปลากดแก้ว เป็นต้น 2) การปล่อยปลาหมอคางดำโครโมโซม 4 ชุด (4n) เพื่อให้ไปผสมกับปลาที่อยู่ในแหล่งน้ำแล้วได้ลูกที่เป็นหมัน ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อได้ วิธีควบคุมปลาหมอคางดำทั้ง 2 วิธีนี้มีเป้าหมายทำให้ประสิทธิภาพการขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำลดลง ทั้งนี้กรมประมงคำนึงถึงปริมาณปลา(ปลาผู้ล่า และปลา 4 n) และช่วงเวลาที่จะดำเนินการปล่อยให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด

สำหรับงานเสวนาวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 24 “ระดมคิด พลิกวิกฤตคางดำ” ผู้สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดสดย้อนหลังได้ทาง Facebook Live : Chulalongkorn University  https://www.facebook.com/ChulalongkornUniversity .-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ครบ 72 ชม. ตึก สตง.ถล่ม ไม่หยุดค้นหาผู้รอดชีวิต

ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุตึก สตง.พังถล่ม แม้เวลาผ่านมาครบ 72 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่้ทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายามในการค้นหาผู้รอดชีวิต หวังมีปาฏิหาริย์

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้