ก.คลัง 2 ส.ค. – “จุลพันธ์” เผยประชาชนแห่ลงทะเบียน “แอปทางรัฐ” เป็นจุดเริ่มต้นพายุหมุนเศรษฐกิจตั้งแต่บัดนี้ ขอให้มั่นใจระบบชำระเงิน ไม่มีล้วงลูกข้อมูลส่วนบุคคล
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าหลังจากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอป ”ทางรัฐ“ เพื่อร่วมโครงการโอนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 67 ต่อเนื่องถึงวันนี้ (2 ส.ค.) เพียง 2 วัน มีประชาชนลงทะเบียนกว่า 20 ล้านคน นับว่าทำสถิติการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการรัฐมากที่สุด นับว่าประชาชนตื่นตัวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ กระทรวงคลังพอใจมาก ระบบสามารถรองรับการลงทุนทะเบียนได้ตามเป้าหมาย
กระทรวงการคลัง จึงมองว่า วันนี้นับเป็นจุดเริ่มต้น ของการทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน ทำให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ เริ่มได้เตรียมแผนลงทุน ขยายการผลิต การจ้างงาน รองรับการใช้จ่ายของประชาชนในต้นเดือนธันวาคม 67 โดยในช่วงระหว่างรอโอนเงิน Digital Wallet ออกสู่ระบบ หลายกระทรวงพร้อมออกมาตรการเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงพาณิชย์ ออกหลายมาตรการลดภาระค่าครองชีพในช่วง 3 เดือนนี้
กระทรวงการคลัง ขอย้ำว่าอยากให้ประชาชนผู้ลงทะเบียน เชื่อมั่นกับระบบการชำระเงิน เพื่อใช้จ่ายในโอนเงิน Digital Wallet 10,000 บาท เนื่องจากระบบของสถาบันการเงิน เป็นระบบที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูงมาก หากไม่เชื่อมั่น ธนาคารคงไม่ยอมเข้ามาเชื่อมระบบกับการใช้จ่ายผ่าน Digital Wallet และขอย้ำอีกว่า การลงทุนทะเบียนรับสิทธิ์ ผ่าน “แอปทางรัฐ” กระบวนตรวจสอบคุณสมบัติบุคคล รัฐบาลไม่ได้เข้าไปล้วงลูก ดูข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเป็นการสอบถามข้อมูลแต่ละหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ตอบคำถามกับรัฐบาล ว่า ”ผ่าน“ หรือ ”ไม่ผ่าน“ ไม่ได้ให้นำข้อมูลส่วนตัว จากทุกหน่วยงานรัฐมาใช้ประโยชน์แต่อย่างใด
นายจุลพันธ์ ฝากเพิ่มเติม ขอให้ประชาชนระวังแอปฯ หลอกลวง ที่เกิดเยอะมากในช่วงเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน “แอปทางรัฐ” ย้ำว่ารัฐบาลไม่มีส่งลิงค์ให้โหลด ไม่มีโทรหาประชาชน หากสงสัยขอให้เดินทางไปปรึกษากับหลายหน่วยงานรัฐ อำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียนโครงการฯ สำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ตั้งจุดให้บริการ (Walk-in) ช่วยลงทะเบียน และสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจำนวน 5,199 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 นี้ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้บริการประชาชนผู้มีสมาร์ทโฟน แต่ต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียน ตามระยะเวลาทำการใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ 1) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ 2) ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ) 3) ธนาคารออมสิน 1,047 แห่งทั่วประเทศ 4) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่ง.-515-สำนักข่าวไทย