ไทยลุยเจาะตลาดจีนร่วมงาน Top Thai Brands Kunming 2024

นนทบุรี 28 ก.ค.-พาณิชย์ นำทัพผู้ประกอบการไทยและผู้นำเข้าสินค้าไทยในจีนรวม 54 ราย ร่วมงานแสดงสินค้า Top Thai Brands Kunming 2024 ดึง KOL และเน็ตไอดอลไลฟ์ประชาสัมพันธ์สินค้าไทย สร้างการรับรู้ในวงกว้าง พร้อมทั้งจัดแมชชิ่งคาดมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เผยยังได้หารือภาครัฐ-เอกชนในมณฑลยูนนาน ผนึกกำลังพันธมิตรไทย-จีนลุยเจาะตลาดจีนเต็มสูบ ทั้งดันการส่งออกผลไม้ โฟกัสความต้องการสินค้าไทยรายมณฑล และโปรโมตแบรนด์ประเทศไทย

นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วง ระหว่างวันที่ 22 – 24 กรกฎาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้แทนเข้าร่วมในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า The 8th China-South Asia Expo and the 28th China Kunming Import and Export Fair (8th CSA Expo and 28th Kunming Fair) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนนาน พร้อมทั้งเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้า Top Thai Brands Kunming 2024 (TTB Kunming 2024) ที่จัดขึ้นภายใต้งานแสดงสินค้า 8th CSA Expo and 28th Kunming Fair ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติเตียนฉือ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยปีนี้ ถือเป็นการจัดงานแสดงสินค้า TTB Kunming ครั้งที่ 9 ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและความงาม แฟชั่น และของใช้ภายในบ้าน 40 บริษัท และผู้นำเข้าสินค้าไทยในจีน 14 บริษัท รวมทั้งสิ้น 54 บริษัทเข้าร่วมงาน


งานแสดงสินค้า TTB Kunming 2024 ครั้งนี้ เป็นการจัดงานแสดงสินค้ารูปแบบออฟไลน์ผสานการประชาสัมพันธ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการ Live Streaming บรรยากาศในช่วงพิธีเปิดจาก KOL และเน็ตไอดอลที่มีชื่อเสียงของจีน เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมนัดหมายเจรจาการค้าเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการไทยที่เดินทางไปเข้าร่วมงาน รวมถึงการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมงานชาวจีน โดยคาดว่า จะก่อให้เกิดมูลค่าการสั่งซื้อรวมไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท

ทั้งนี้ Top Thai Brands ถือเป็นงานแสดงสินค้าสำคัญของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีตราสินค้าเป็นของตนเองให้มีโอกาสออกไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งการจัดงาน TTB Kunming 2024 ผู้ประกอบการไทยได้นำสินค้าหลากหลายเข้าร่วมงาน อาทิ เครื่องแกง ผักผลไม้อบแห้ง ข้าวตังธัญพืช คุกกี้กรอบรสชาดต่างๆ และกัมมี่เยลลี่ ก๋วยจั๊บญวนสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยวเรือสำเร็จรูป เนื้อปูม้าพาสเจอร์ไรส์ ปลากรอบ ข้าวเกรียบปลา ยาดมสมุนไพร น้ำมันนวดสมุนไพร ผลิตภัณฑ์กันแดดและบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เครื่องประดับเงิน ทอง และไข่มุก เสื้อผ้าฝ้ายแฮนด์เมด ผลิตภัณฑ์มัดย้อม แจ็คเก็ตผ้าไทย หมอนยางพารา ผลิตภัณฑ์ภาชนะไม้ที่ใช้ในครัวเรือน อโรมาปรับอากาศและกาจัดกลิ่นในห้อง รถยนต์ และรองเท้า


อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนนครคุนหมิงครั้งนี้ ยังได้มีโอกาสหารือกับผู้แทนกรมพาณิชย์ยูนนาน ทีมประเทศไทย และภาคเอกชนไทย-จีนรายสำคัญในมณฑลยูนนาน อาทิ สมาคมนักธุรกิจไทยในจีนตะวันตกเฉียงใต้ ผู้นำเข้าอาหารและเครื่องดื่ม ผู้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้นำเข้าผลไม้ ผู้แทนธนาคารกสิกรไทยประจำนครคุนหมิง สมาคมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งยูนนาน และสมาคมอุตสาหกรรมสุขภาพคุนหมิง โดยได้ระดมความคิดในการขยายตลาดผลไม้โดยเฉพาะทุเรียนไทยซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีนให้เป็นที่จดจำและเข้าถึงได้อย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น ซึ่งในด้านตัวสินค้า ควรเร่งสร้างแบรนด์ทุเรียนไทยให้ติดตลาดในฐานะแบรนด์ประเทศไทย และให้ความสำคัญต่อความต้องการของตลาดรายมณฑลว่าผู้บริโภคต้องการผลไม้ไทยชนิดใด รวมถึงควรมีการจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อให้ผู้บริโภคทราบแหล่งที่มาและข้อมูลต่างๆ ของผลไม้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อตัวสินค้าได้มากขึ้น

สำหรับด้านการขนส่ง ปัจจุบันเส้นทางการขนส่งทางบก R3A เริ่มมีบทบาทต่อการส่งออกสินค้าจากภูมิภาคอาเซียนไปยังภาคใต้ของจีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถร่นระยะเวลาการขนส่งลงได้เมื่อเทียบกับการขนส่งทางทะเล นอกจากนี้ ในส่วนของความร่วมมือในด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าผ่านเส้นทางแม่น้ำโขงสู่ด่านท่าเรือกวนเหล่ย โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้หยิบยกหารือกับฝ่ายจีนในช่วงการเดินทางเยือนมณฑลยูนนานในเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา และได้สอบถามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวและได้รับแจ้งว่า ด่านท่าเรือกวนเหล่ยในเขตสิบสองปันนา บริเวณแนวพรมแดนจีน-ลาว-พม่า จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 67 นี้ สำหรับสินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุจัดเป็นอีกหนึ่งสาขาศักยภาพที่ไทย – มณฑลยูนนานสามารถขยายความร่วมมือระหว่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็น การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรด้านแพทย์แผนจีน การร่วมพัฒนาศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพหรือที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงการส่งออก-นำเข้าสินค้าจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

สำหรับการเยือนนครคุนหมิงครั้งนี้ ยังได้เข้าร่วมพิธีปล่อยขบวนรถไฟขนส่งสินค้าระหว่างมณฑลกวางตุ้ง – มณฑลยูนนาน – รถไฟจีน-ลาว หรือ Lancang – Mekong Express เที่ยวปฐมฤกษ์ ณ ศูนย์โลจิสติกส์สถานีรถไฟหวังเจียอิ๋ง นครคุนหมิง และได้รับเกียรติในฐานะผู้แทนจากประเทศไทยขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีดังกล่าว โดยขบวนรถไฟขนส่งสินค้าสายนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้านการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคอาเซียน – จีนที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงความยาว 873 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงเทพฯ กับเส้นทางรถไฟจีน-ลาว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2028 ซึ่งจะทำให้การค้าและการท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาคเกิดความเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น.-514.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย