เอไอเอสสนับสนุนภารกิจ “ระเบิดสะพานโจร”

กรุงเทพฯ 20 ก.ค.- เอไอเอสร่วมมือภาครัฐสนับสนุนภารกิจ “ระเบิดสะพานโจร” ปกป้องคนไทย ปลอดภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้าน กสทช. เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อบริษัทชักชวนลงทุนตู้เติมเงิน ในลักษณะธุรกิจเครือข่าย


นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวในโอกาสร่วม กับ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละ บุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อเร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ที่เข้ามาหลอกลวง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก  โดยในส่วนของเอไอเอส นั้น ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนภารกิจดังกล่าวอย่างเต็มที่ ในแง่ของการบริหารจัดการเครือข่ายสื่อสารทั้งในพื้นที่เป้าหมายและในกรณีที่มีการพบพื้นที่ต้องสงสัย

สำหรับยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” เป็นการปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน กสทช. ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่าย และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง ของไทยทั้งหมดที่คนร้าย ลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง อย่างเด็ดขาด


พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า เริ่มกดปุ่มปฏิบัติการแรก “ระเบิดสะพานโจร” ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน ประเทศลาว โดยปัจจุบัน คิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับ นักท่องเที่ยวจากไทย ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้ จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ชิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนชิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า มีประชาชนแจ้งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีบริษัทที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่งจาก กสทช. ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อชักชวนประชาชน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และข้าราชการเกษียณอายุ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ ให้ร่วมลงทุนในลักษณะธุรกิจเครือข่ายเป็นตัวแทนจำหน่ายตู้เติมเงิน โดยเสนอกำไรและเงินปันผล รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ และอ้างว่าเป็นผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นการลงทุนดังกล่าวสามาถทำได้อย่างที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ขอเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อการชักชวนลงทุนในลักษณะดังกล่าว หรือการให้ผลตอบแทนเกินจริง เนื่องจากเงื่อนไขการอนุญาตให้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า “ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบกิจการมอบผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ใช้บริการในลักษณะของธุรกิจเครือข่าย หรือแสวงหาประโยชน์อื่นใดที่นอกเหนือจากการให้บริการโทรคมนาคมตามที่ได้รับอนุญาต” ซึ่งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งขณะนี้สำนักงาน กสทช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างตรวจสอบบริษัทที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดดังกล่าวจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด


สำหรับรูปแบบการโฆษณาชักชวนลงทุนดังกล่าว บริษัทใช้วิธีการส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์หรือการอบรมออนไลน์ ชักชวนให้เป็นตัวแทนจำหน่ายตู้เติมเงิน โดยต้องลงทุนค่าตู้เติมเงินมือถือตู้ละ 40,000 – 50,000 บาท และจะมีเงินปันผลให้วันละ 240 บาท เป็นเวลาต่อเนื่อง 500 วัน รวมเงินได้ทั้งสิ้น 120,000 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจำนวน 80,000 บาท และหากลงทุนตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนศูนย์บริการ พร้อมเสนอรายได้และสวัสดิการต่าง ๆ หรือสำหรับผู้ใช้บริการซิมมือถือของบริษัท หากเติมเงินมือถือจะได้รับเงินตอบแทนอีก 2 เท่าของเงินที่เติม และหากเติมเงินติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน จะได้รับเงินกองทุนสงเคราะห์โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ การโฆษณาชักชวนในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการมอบผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ใช้บริการในลักษณะของธุรกิจเครือข่าย หรือแสวงหาประโยชน์อื่นใดที่นอกเหนือจากการให้บริการโทรคมนาคมตามที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตามที่ กสทช. กำหนด หากมีข้อสงสัยงติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลข 1200 .- 511 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย