กรุงเทพฯ 19 ก.ค. – KBANK โชว์กำไรสุทธิครึ่งแรกปี 67 ยอด 2.61 หมื่นล้าน เติบโต 7.36% ยอมรับรายได้ดอกเบี้ยลดลงจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 ธนาคารและบริษัทย่อย มียอดกำไรสุทธิ 12,653 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.18 จากไตรมาสแรก มีรายได้หลักจากดอกเบี้ยสุทธิ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง ขณะที่รายได้จากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.67 นับว่าอยู่ภายในกรอบการบริหารจัดการของธนาคาร
รายได้จากการดำเนินงานสุทธิอยู่ที่ 50,429 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 1,060 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.75 จากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า และไม่กระจายทั่วถึง ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าปัจจุบันกลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้นตัวได้ รวมทั้งได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากในช่วงก่อน สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจำนวน 221 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.66 เนื่องจากค่าธรรมเนียมรับจากธุรกิจบัตร และค่าธรรมเนียมรับจากการรับรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน แม้ว่ารายได้สุทธิจากการรับประกันภัยปรับตัวดีขึ้น ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานด้านอื่น 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมทางการตลาด
ธนาคารได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 11,672 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับร้อยละ 151.87
สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิต คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 57,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.36 จากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิที่เติบโตสูงกว่าค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เป็นผลจากการที่ธนาคารและบริษัทย่อยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ในระดับ 42.35% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน. -515-สำนักข่าวไทย