ก.คลัง 10 ก.ค. – “อนุฯ ดิจิทัลวอลเล็ต” ปรับเงื่อนไข หลัง ป.ป.ช. – สำนักงบฯ ทักท้วง ยอมถอยยืมเงิน ธ.ก.ส. ตั้งวงเงิน 4.5 แสนล้านบาท ห้ามซื้อมือถือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รอนายกฯ แถลงใหญ่ 24 ก.ค.นี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ประชุมวันนี้ได้ข้อสรุปและปรับเปลี่ยนเงื่อนไข หลายด้าน ทั้งการลงทะเบียนของประชาชน ร้านค้าเข้าร่วมโครงการ การทบทวนรายการสินค้า รูปแบบการใช้งานแอปพลิเคชัน กรอบวงเงิน เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะแถลงรายละเอียดโครงการทั้งหมดในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในวันที่ 30 กรกฎาคม 2567
ที่ประชุม ได้นำข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.และสำนักงบประมาณ มาหารือ รวมทั้งผลการศึกษาเพิ่มเติมของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยไม่ให้ตั้งงบประมาณมารองรับเอาไว้มากเกินไป เพื่อนำไปใช้พื้นฟูเศรษฐกิจด้านอื่น จึงกำหนดกรอบวงเงินรองรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 450,000 ล้านบาท จากกรอบเดิม 500,000 ล้านบาท แหล่งที่มาของเงิน แบ่งเป็น ในงบประมาณปี 67 การบริหารจัดการงบเบิกจ่ายไม่หมด 43,000 ล้านบาท และการปรับงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายปี 68 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท รวมใช้เงิน 4.5 แสนล้านบาท
โดยรัฐบาลยังกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 50 ล้านคน เมื่อรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ไม่เกิน 30 กันยายน 67 ต้องดูยอดสรุปชัดเจนว่า ประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนเท่าใด หากครบตามเป้าหมาย 50 ล้านคน พยายามจัดสรรงบมารองรับให้ครบ 5 แสนล้านบาท ภายหลัง คาดระบบทุกด้านทำแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
สำหรับข้อกำหนดการใช้จ่ายของประชาชนกับร้านค้ารายย่อย ที่ลงทะเบียนร่วมโครงการ ต้องใช้เงินภายในอำเภอตามบัตรประชาชน ใช้จ่ายซื้อสินค้าภายใน 6 เดือน ประชาชนไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นหรือแลกเป็นเงินสด ใช้สำหรับซื้อของอุปโภคบริโภคเท่านั้น ไม่สามารถซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ห้ามซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่สามารถซื้อสินค้าอบายมุข เช่น เหล้า บุหรี่ ไม่สามารถซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
ส่วนการซื้อขายสินค้ารอบที่ 2 ระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ให้ขยายพื้นที่เป็นซื้อขายสินค้าได้ทั่วประเทศ และซื้อกับห้างขนาดใหญ่ได้ โดยร้านค้านำเงินดิจิทัลมาขึ้นเงินบาทต้องอยู่ในฐานภาษี และร้านค้าขึ้นเงินบาท ต้องผูกเบอร์มือถือลงทะเบียนรายเดือน ห้ามใช้ซิมการ์ดเติมเงิน รองรับระบบรักษาความปลอดภัย ส่วนการยืมเงินจาก ธ.ก.ส.ขึ้นอยู่กับที่ประชุมบอร์ดชุดใหญ่จะเลือกทางเดิมหรือไม่
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า คุณสมบัติผู้รับโอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป (นับอายุ 30 ก.ย.67) ยกเว้นผู้มีรายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือน รายได้ต่อปี 840,000 บาท หรือมีเงินฝากมากกว่า 5 แสนบาท (ยอดเงินฝาก ณ 31 มี.ค.67) ครอบคลุมคนไทย 50 ล้านคน ส่วนการลงทะเบียน หรือยืนยันตัวตนผ่านระบบ หรือแอปฯ ใด ขณะนี้หน่วยงานรัฐได้สร้างระบบเอาไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว รอให้นายกรัฐมนตรีประกาศให้ชัดเจน. -515 -สำนักข่าวไทย