ปตท.จัดประกวด Spark the Local 2024 by PTT ปั้นให้ปัง จุดพลังให้สินค้าชุมชน

9 ก.ค. – ปตท. ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมการประกวด Spark the Local 2024 by PTT “ปั้นให้ปัง จุดพลังให้สินค้าชุมชน” วางแผนพัฒนาสินค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภท “อาหารแปรรูป” ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์” ชิงเงินรางวัลรวม 240,000 บาท


วัตถุประสงค์ของกิจกรรม

เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในชุมชนได้ใช้ศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนา ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน


เพื่อขยายโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าและผู้บริโภคกลุ่มใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน

เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน

โจทย์การประกวด


ผู้เข้าแข่งขันจะต้องสร้างแผนพัฒนาสินค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภท “อาหารแปรรูป” ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์”

“ปรับและปรุง” ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปของไทย ให้ถูกใจ และ ถูกปากลูกค้าได้มากขึ้น

“แปลง” โฉมสินค้า ให้บรรจุภัณฑ์ทันสมัย เพิ่มมูลค่าในราคาเหมาะสม

“ปั้น” แบรนด์ให้ปัง เล่าเรื่องราวสะท้อนเอกลักษณ์ชุมชนและความโดดเด่นของสินค้าให้เป็นที่จดจำ

เงื่อนไขการส่งผลงาน

ในการส่งผลงานเข้าประกวด กำหนดให้ใช้ผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน ประเภทอาหารแปรรูป ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานรับรอง และชุมชนเจ้าของผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนต้องมีความสนใจในการพัฒนาสินค้าในอนาคต

ผู้สมัครจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนที่เลือก หรือได้รับการยินยอมให้ใช้ผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนนั้นในการส่งประกวด

ผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนที่เลือกมาส่งประกวด จะต้องสามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน

ผู้สมัครจะต้องกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์ม (Google Form) ให้ครบถ้วน และ Upload ไฟล์นำเสนอผลงานในรูปแบบคลิปสั้น (ถ้ามี) โดยเป็นคลิปที่มีความยาวไม่เกิน 5 นาทีและขนาดไฟล์ไม่เกิน 10GB และ/หรือ Upload ไฟล์นำเสนอผลงานในรูปแบบไฟล์ pdf (ถ้ามี)

ผู้สมัครจะต้องเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้นๆ ด้วยตนเอง ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง เลียนแบบผลงานของบุคคลอื่นๆ หรือนำผลงานของผู้อื่นมาส่งหรือส่งในนามผู้อื่น โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งเข้าประกวดนั้น เป็นผลงานที่ตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียง ผู้เดียว รวมถึงไม่มีข้อผูกมัดเรื่องลิขสิทธิ์ในตัวผลงานกับหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ และไม่ขัดต่อกฎหมาย และต้องเป็นผลงานที่ไม่เคยเผยแพร่สู่สาธารณะมาก่อน หากตรวจพบว่ามีการทุจริต ถือว่าสละสิทธิ์การแข่งขันและรับรางวัล แม้จะประกาศผลไปแล้ว ทางผู้จัดงานสามารถเรียกคืนรางวัลได้

ผู้สมัครยินดี และตกลงยินยอมให้ผลงานเป็นกรรมสิทธิ์ และลิขสิทธิ์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยขอสงวนลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ หรือลดทอนเนื้อหาได้ตามความเหมาะสม โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตอบแทนทั้งสิ้น

ผู้สมัครจะต้องไม่เปิดเผย ทําสําเนา หรือทําการอื่นใดทํานองเดียวกันแก่องค์กรหรือบุคคลอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เท่านั้น

เงินรางวัลที่ได้รับ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เงินรางวัลตามกฎหมาย 5%

ผู้เข้าแข่งขันทุกคน ถือว่าได้รับทราบ และยอมรับในเงื่อนไขการเข้าร่วมการประกวดเรียบร้อยแล้ว

ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

คุณสมบัติและเงื่อนไขการสมัคร

ผู้สมัครจะต้องมีอายุระหว่าง 18-40 ปี (หรือเทียบเท่า) ณ วันที่สมัครเข้าร่วมการประกวด

จำนวนสมาชิกในทีมไม่เกิน 5 คน/ทีม โดยผู้สมัครทุกคน สามารถลงชื่อสมัครได้เพียงทีมเดียวเท่านั้น หากเกิดกรณีทีมที่มีผู้แข่งขันซ้ำ ทีมจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันทันที

แต่ละทีมมีสิทธิ์ส่งผลงานได้ทีมละ 1 ผลงานเท่านั้น

หากทีมหรือสมาชิกภายในทีมมีคุณสมบัติไม่ตรงกับกฎระเบียบการแข่งขัน หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือทำผิดกฎกติกาที่ตั้งไว้ ทีมจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันทันที

ผู้สมัครยินยอมให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำภาพกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดโครงการ ไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ และสามารถนำมาใช้พัฒนาต่อเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและองค์กร โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ และไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

กำหนดการการประกวด
15 กรกฎาคม – 9 กันยายน 2567 เปิดรับสมัคร
9 กันยายน 2567 (เวลา 18.00 น.) ปิดรับผลงาน
10-12 กันยายน 2567 คณะกรรมการคัดเลือกผลงานรอบแรก (15 ทีม)
13 กันยายน 2567 ประกาศรายชื่อทีมที่เข้ารอบ 15 ทีม
18 กันยายน 2567 15 ทีม นำเสนอผลงาน รอบ Audition ณ ปตท. สำนักงานใหญ่
20 กันยายน 2567 ประกาศรายชื่อทีมที่เข้ารอบ Final (5 ทีม)
25 กันยายน 2567 5 ทีม รับข้อเสนอแนะและคำปรึกษาจากที่ปรึกษาโครงการ
26 กันยายน – 7 พฤศจิกายน 2567 พัฒนาผลงานเพื่อนำเสนอในรอบ Final
8-10 พฤศจิกายน 2567 นำเสนอผลงานรอบ Final ที่งานร้านเด็ดแฟร์

การคัดเลือกผลงานรอบที่ 1 : ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม – วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567

ผู้สมัครต้องส่งแผนพัฒนาสินค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภท “อาหารแปรรูป” ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์” โดยใส่รายละเอียดให้ครบถ้วนลงในแบบฟอร์ม (Google Form) ที่ทาง ปตท. กำหนดไว้ ภายในวันจันทร์ 9 กันยายน 2567 เวลา 18.00 น. ซึ่งคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกผลงานที่ส่งเข้าประกวด จำนวน 15 ผลงาน เพื่อผ่านเข้าสู่รอบ Audition โดยจะประกาศรายชื่อ 15 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Audition ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 ทาง Facebook : ชุมชนยิ้มได้ โดยกลุ่ม ปตท.

การคัดเลือกผลงานรอบ Audition : นำเสนอผลงานในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567

15 ทีมที่เข้ารอบจะต้องนำเสนอผลงานกับคณะกรรมการ ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต หรือผ่านทาง Online (ในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางมาได้) ในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 โดยแต่ละทีมจะมีเวลาในการนำเสนอ 10 นาที และเปิดโอกาสให้คณะกรรมการซักถาม 5 นาที โดยทีมงานจะทำการติดต่อเพื่อนัดหมายเวลาในการนำเสนออีกครั้ง โดยจะประกาศรายชื่อ 5 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Final ในวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567 ทาง Facebook : ชุมชนยิ้มได้ โดยกลุ่ม ปตท.

เกณฑ์การตัดสินผลงานรอบที่ 1 และรอบ Audition

ด้านผลิตภัณฑ์ (20 คะแนน)
1.1 คุณภาพของสินค้า (คุณภาพของวัตถุดิบ กระบวนการแปรรูป และมาตรฐานรับรองที่ได้รับ) (10 คะแนน)
1.2 เอกลักษณ์ ความโดดเด่นและแตกต่างของสินค้า (10 คะแนน)

ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (30 คะแนน)
2.1 ความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ (15 คะแนน)
2.2 ความสะดวกในการใช้งาน (15 คะแนน)

ด้านการตลาด (30 คะแนน)
3.1 ระบุกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการสื่อสาร ช่องทางจำหน่าย ชัดเจนและสอดคล้องกัน (15 คะแนน)
3.2 เอกลักษณ์ของแบรนด์โดดเด่น สวยงาม น่าจดจำ และมีเรื่องราวที่สนใจ (15 คะแนน)

ด้านความยั่งยืน (10 คะแนน)
4.1 ด้านสังคม (การทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน การสะท้อนเอกลักษณ์ อนุรักษ์วัฒนธรรม ฯลฯ) (10 คะแนน)
มีแผนการพัฒนาที่ชัดเจน เห็นภาพ (10 คะแนน)

รับคำแนะนำจากที่ปรึกษา : พบที่ปรึกษาวันพุธที่ 25 กันยายน 2567

5 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Final เข้าพบที่ปรึกษาพัฒนาผลงาน ณ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต ในวันพุธที่ 25 กันยายน 2567 เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยน รับคำแนะนำ สำหรับนำไปปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนตามที่ได้นำเสนอ ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งแต่ละทีมจะมีเวลาในการเข้าพบคณะกรรมการไม่เกิน 60 นาที โดยทีมงานจะทำการติดต่อเพื่อนัดหมายเวลาในการนำเสนอ อีกครั้ง

หลังจากได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาพัฒนาผลงานแล้ว ทั้ง 5 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ Final จะต้องทำการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน ให้เห็นภาพชัดเจนทั้งก่อนและหลัง รวมถึงออกแบบแผนการตลาดที่สามารถใช้ได้จริง เพื่อนำเสนอและวางจำหน่ายจริงในรอบ Final ที่งานร้านเด็ดแฟร์ โดย ปตท. จะมีงบประมาณในการพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนต้นแบบ และเตรียมการต่างๆ ทีมละไม่เกิน 20,000 บาท

เงินจำนวน 20,000 บาท จะต้องนำไปใช้ในการพัฒนาสินค้าต้นแบบตามที่ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการ

การตัดสินผลงานรอบสุดท้าย (Final) : นำเสนอผลงานในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567

5 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Final สมาชิกในทีมทุกคนจะต้องมานำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการที่งาน “ร้านเด็ดแฟร์” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567 โดยแต่ละทีมจะได้รับการจัดสรรพื้นที่บูธสำหรับจำหน่ายและจัดแสดงสินค้า จำนวน 1 บูท

แต่ละทีมจะมีเวลาในการนำเสนอผลงาน 15 นาที และเปิดโอกาสให้คณะกรรมการซักถาม 10 นาที ไม่จำกัดเทคนิคหรือรูปแบบในการนำเสนอ โดยจะประกาศทีมที่ได้รับรางวัลภายในงานร้านเด็ดแฟร์

เกณฑ์การตัดสินรอบ Final

ด้านผลิตภัณฑ์ (15 คะแนน)
1.1 คุณภาพของสินค้า (คุณภาพของวัตถุดิบ กระบวนการแปรรูป และมาตรฐานรับรองที่ได้รับ) (5 คะแนน)
1.2 เอกลักษณ์ ความโดดเด่นและแตกต่างของสินค้า (10 คะแนน)

ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (35 คะแนน)
2.1 ความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ (15 คะแนน)
2.2 ความสะดวกในการใช้งาน (10 คะแนน)
2.3 ความเป็นไปได้จริง (Feasibility ในด้านการผลิตและด้านต้นทุน) (10 คะแนน)

ด้านการตลาด (35 คะแนน)
3.1 ระบุกลุ่มเป้าหมายชัดเจน (5 คะแนน)
3.2 เอกลักษณ์ของแบรนด์สวยงามและเป็นที่จดจำ (10 คะแนน)
3.3 เรื่องราวของแบรนด์น่าสนใจ (10 คะแนน)
3.4 วางแผนการสื่อสารแบรนด์ได้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านช่องทางการสื่อสารและเนื้อหา และช่องทางการจัดจำหน่าย (10 คะแนน)

ด้านความยั่งยืน (15 คะแนน)
4.1 คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (5 คะแนน)
4.2 ผลกระทบต่อชุมชน (10 คะแนน)
4.2.1 ด้านเศรษฐกิจ (ผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับจากการพัฒนาสินค้านี้)
4.2.2 ด้านสังคม (การทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน การสะท้อนเอกลักษณ์ อนุรักษ์วัฒนธรรม ฯลฯ)

รางวัลการประกวด
รางวัลชนะเลิศ : เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : เงินรางวัล 70,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 และ 4 : เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
และโอกาสในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนร่วมกับ ปตท.

สามารถส่งผลงานผ่านช่องทาง Google Forms ได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 9 กันยายน 2567
คลิกเพื่อส่งผลงาน https://forms.gle/prPCVKn3UA1oCcXh7

หรือดูรายละเอียดการประกวดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3zC7d3C

ติดต่อสอบถาม
E-Mail: communityhappiness@pttplc.com
Facebook : ชุมชนยิ้มได้ โดย กลุ่ม ปตท. https://www.facebook.com/pttcommunityhappiness
Tel : 02-537-2169 และ 02-537-1118

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]

จนท.ห้ามล่าสัตว์ป่า หายตัวปริศนา 3 วัน หลังไปขายลอตเตอรี่

อุทัยธานี 14 ก.ย.- แม่เศร้าลูกชาย ซึ่งเป็น จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา หายตัวปริศนา 3 วัน หลังออกเวรไปเร่ขายลอตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ ยังติดต่อไม่ได้ นางจำรัส อายุ 57 ปี ชาวบ้านบึงเจริญ หมู่ 9 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี นำเบาะแส เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มอบให้สื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามหาลูกชาย คือนายเอกฉัตร อายุ 39 ปี ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา ต.ระบำ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนาน 3 วัน โดยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน นายเอกฉัตรนำแผงลอตเตอรี่มาขาย ที่ร้านของชำของแม่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ สีแดงออกไป กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 กันยายน กล้องอีกจุดจับภาพนายเอกฉัตร ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว ทะเบียน 1ขอ […]

ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี

14 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 30 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับนายณัฐพงษ์ อายุ 36 ปี นายวิเนตร อายุ 28 ปี และนายธีรวุฒิ อายุ 34 ปี ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลางหลายรายการ หลังมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเครือข่ายเงินกู้นอกระบบเก็บดอกเบี้ยถึงร้อยละ 626.25 ต่อปี กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ผู้กู้ไม่ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน โอนเงินให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไปบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรก และงวดสุดท้ายไว้ก่อน หากผิดนัดชำระหนี้ ก็จะไประรานลูกหนี้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย. -สำนักข่าวไทย

ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย กกต.คาดรู้ผลก่อน 3 ทุ่ม

เชียงราย 14 ก.ย.- กกต. คาดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย 65% เหตุอากาศเป็นใจ พบประชาชนตื่นตัวมารอใช้สิทธิแต่เช้า รู้ผลก่อน 3 ทุ่มคืนนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 จังหวัดเชียงราย ว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมารอใช้สิทธิทั้ง 2 หน่วยภายในโรงเรียนบ้านสบคา ซึ่งวันนี้สภาพอากาศเป็นใจท้องฟ้าปลอดโปร่ง หากเป็นไปเช่นนี้จะมีส่วนทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่อากาศเอื้ออำนวยในการออกเสียงเลือกตั้งวันนี้ ซึ่งมีตั้งเป้าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 65 แม้จะเป็นงานยาก เพราะมีเงื่อนไขในเรื่องของกำหนดเวลายุบสภา แต่ด้วยความร่วมมือของทั้งพรรคการเมืองและผู้สมัคร และทางจังหวัดเชียงราย กกต.จังหวัดเชียงราย คาดว่าตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิจะใกล้เคียงเป้าที่ได้ตั้งเป้าไว้ สำหรับรายงานผล เมื่อปิดหน่วยในเวลา 17.00 น. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะมีการตรวจบัตรและนับคะแนน คาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลาประมาณ 20.00 – 21.00 น. ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยระบุว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของชาวจังหวัดเชียงราย และเลขา กกต.ได้มาตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขตเลือกตั้งที่ 7 พร้อมเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่ เลือกคนดีเข้าสภาเป็นหน้าที่ของชาวจังหวัดเชียงราย […]