ปตท.จัดประกวด Spark the Local 2024 by PTT ปั้นให้ปัง จุดพลังให้สินค้าชุมชน

9 ก.ค. – ปตท. ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมการประกวด Spark the Local 2024 by PTT “ปั้นให้ปัง จุดพลังให้สินค้าชุมชน” วางแผนพัฒนาสินค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภท “อาหารแปรรูป” ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์” ชิงเงินรางวัลรวม 240,000 บาท


วัตถุประสงค์ของกิจกรรม

เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในชุมชนได้ใช้ศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนา ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน


เพื่อขยายโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าและผู้บริโภคกลุ่มใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน

เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน

โจทย์การประกวด


ผู้เข้าแข่งขันจะต้องสร้างแผนพัฒนาสินค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภท “อาหารแปรรูป” ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์”

“ปรับและปรุง” ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปของไทย ให้ถูกใจ และ ถูกปากลูกค้าได้มากขึ้น

“แปลง” โฉมสินค้า ให้บรรจุภัณฑ์ทันสมัย เพิ่มมูลค่าในราคาเหมาะสม

“ปั้น” แบรนด์ให้ปัง เล่าเรื่องราวสะท้อนเอกลักษณ์ชุมชนและความโดดเด่นของสินค้าให้เป็นที่จดจำ

เงื่อนไขการส่งผลงาน

ในการส่งผลงานเข้าประกวด กำหนดให้ใช้ผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน ประเภทอาหารแปรรูป ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานรับรอง และชุมชนเจ้าของผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนต้องมีความสนใจในการพัฒนาสินค้าในอนาคต

ผู้สมัครจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนที่เลือก หรือได้รับการยินยอมให้ใช้ผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนนั้นในการส่งประกวด

ผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนที่เลือกมาส่งประกวด จะต้องสามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน

ผู้สมัครจะต้องกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์ม (Google Form) ให้ครบถ้วน และ Upload ไฟล์นำเสนอผลงานในรูปแบบคลิปสั้น (ถ้ามี) โดยเป็นคลิปที่มีความยาวไม่เกิน 5 นาทีและขนาดไฟล์ไม่เกิน 10GB และ/หรือ Upload ไฟล์นำเสนอผลงานในรูปแบบไฟล์ pdf (ถ้ามี)

ผู้สมัครจะต้องเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้นๆ ด้วยตนเอง ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง เลียนแบบผลงานของบุคคลอื่นๆ หรือนำผลงานของผู้อื่นมาส่งหรือส่งในนามผู้อื่น โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องรับรองว่าผลงานที่ส่งเข้าประกวดนั้น เป็นผลงานที่ตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียง ผู้เดียว รวมถึงไม่มีข้อผูกมัดเรื่องลิขสิทธิ์ในตัวผลงานกับหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ และไม่ขัดต่อกฎหมาย และต้องเป็นผลงานที่ไม่เคยเผยแพร่สู่สาธารณะมาก่อน หากตรวจพบว่ามีการทุจริต ถือว่าสละสิทธิ์การแข่งขันและรับรางวัล แม้จะประกาศผลไปแล้ว ทางผู้จัดงานสามารถเรียกคืนรางวัลได้

ผู้สมัครยินดี และตกลงยินยอมให้ผลงานเป็นกรรมสิทธิ์ และลิขสิทธิ์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยขอสงวนลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ หรือลดทอนเนื้อหาได้ตามความเหมาะสม โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตอบแทนทั้งสิ้น

ผู้สมัครจะต้องไม่เปิดเผย ทําสําเนา หรือทําการอื่นใดทํานองเดียวกันแก่องค์กรหรือบุคคลอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เท่านั้น

เงินรางวัลที่ได้รับ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เงินรางวัลตามกฎหมาย 5%

ผู้เข้าแข่งขันทุกคน ถือว่าได้รับทราบ และยอมรับในเงื่อนไขการเข้าร่วมการประกวดเรียบร้อยแล้ว

ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

คุณสมบัติและเงื่อนไขการสมัคร

ผู้สมัครจะต้องมีอายุระหว่าง 18-40 ปี (หรือเทียบเท่า) ณ วันที่สมัครเข้าร่วมการประกวด

จำนวนสมาชิกในทีมไม่เกิน 5 คน/ทีม โดยผู้สมัครทุกคน สามารถลงชื่อสมัครได้เพียงทีมเดียวเท่านั้น หากเกิดกรณีทีมที่มีผู้แข่งขันซ้ำ ทีมจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันทันที

แต่ละทีมมีสิทธิ์ส่งผลงานได้ทีมละ 1 ผลงานเท่านั้น

หากทีมหรือสมาชิกภายในทีมมีคุณสมบัติไม่ตรงกับกฎระเบียบการแข่งขัน หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือทำผิดกฎกติกาที่ตั้งไว้ ทีมจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันทันที

ผู้สมัครยินยอมให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำภาพกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดโครงการ ไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ และสามารถนำมาใช้พัฒนาต่อเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและองค์กร โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ และไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

กำหนดการการประกวด
15 กรกฎาคม – 9 กันยายน 2567 เปิดรับสมัคร
9 กันยายน 2567 (เวลา 18.00 น.) ปิดรับผลงาน
10-12 กันยายน 2567 คณะกรรมการคัดเลือกผลงานรอบแรก (15 ทีม)
13 กันยายน 2567 ประกาศรายชื่อทีมที่เข้ารอบ 15 ทีม
18 กันยายน 2567 15 ทีม นำเสนอผลงาน รอบ Audition ณ ปตท. สำนักงานใหญ่
20 กันยายน 2567 ประกาศรายชื่อทีมที่เข้ารอบ Final (5 ทีม)
25 กันยายน 2567 5 ทีม รับข้อเสนอแนะและคำปรึกษาจากที่ปรึกษาโครงการ
26 กันยายน – 7 พฤศจิกายน 2567 พัฒนาผลงานเพื่อนำเสนอในรอบ Final
8-10 พฤศจิกายน 2567 นำเสนอผลงานรอบ Final ที่งานร้านเด็ดแฟร์

การคัดเลือกผลงานรอบที่ 1 : ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม – วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567

ผู้สมัครต้องส่งแผนพัฒนาสินค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภท “อาหารแปรรูป” ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์” โดยใส่รายละเอียดให้ครบถ้วนลงในแบบฟอร์ม (Google Form) ที่ทาง ปตท. กำหนดไว้ ภายในวันจันทร์ 9 กันยายน 2567 เวลา 18.00 น. ซึ่งคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกผลงานที่ส่งเข้าประกวด จำนวน 15 ผลงาน เพื่อผ่านเข้าสู่รอบ Audition โดยจะประกาศรายชื่อ 15 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Audition ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 ทาง Facebook : ชุมชนยิ้มได้ โดยกลุ่ม ปตท.

การคัดเลือกผลงานรอบ Audition : นำเสนอผลงานในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567

15 ทีมที่เข้ารอบจะต้องนำเสนอผลงานกับคณะกรรมการ ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต หรือผ่านทาง Online (ในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางมาได้) ในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 โดยแต่ละทีมจะมีเวลาในการนำเสนอ 10 นาที และเปิดโอกาสให้คณะกรรมการซักถาม 5 นาที โดยทีมงานจะทำการติดต่อเพื่อนัดหมายเวลาในการนำเสนออีกครั้ง โดยจะประกาศรายชื่อ 5 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Final ในวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567 ทาง Facebook : ชุมชนยิ้มได้ โดยกลุ่ม ปตท.

เกณฑ์การตัดสินผลงานรอบที่ 1 และรอบ Audition

ด้านผลิตภัณฑ์ (20 คะแนน)
1.1 คุณภาพของสินค้า (คุณภาพของวัตถุดิบ กระบวนการแปรรูป และมาตรฐานรับรองที่ได้รับ) (10 คะแนน)
1.2 เอกลักษณ์ ความโดดเด่นและแตกต่างของสินค้า (10 คะแนน)

ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (30 คะแนน)
2.1 ความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ (15 คะแนน)
2.2 ความสะดวกในการใช้งาน (15 คะแนน)

ด้านการตลาด (30 คะแนน)
3.1 ระบุกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการสื่อสาร ช่องทางจำหน่าย ชัดเจนและสอดคล้องกัน (15 คะแนน)
3.2 เอกลักษณ์ของแบรนด์โดดเด่น สวยงาม น่าจดจำ และมีเรื่องราวที่สนใจ (15 คะแนน)

ด้านความยั่งยืน (10 คะแนน)
4.1 ด้านสังคม (การทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน การสะท้อนเอกลักษณ์ อนุรักษ์วัฒนธรรม ฯลฯ) (10 คะแนน)
มีแผนการพัฒนาที่ชัดเจน เห็นภาพ (10 คะแนน)

รับคำแนะนำจากที่ปรึกษา : พบที่ปรึกษาวันพุธที่ 25 กันยายน 2567

5 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Final เข้าพบที่ปรึกษาพัฒนาผลงาน ณ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต ในวันพุธที่ 25 กันยายน 2567 เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยน รับคำแนะนำ สำหรับนำไปปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนตามที่ได้นำเสนอ ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งแต่ละทีมจะมีเวลาในการเข้าพบคณะกรรมการไม่เกิน 60 นาที โดยทีมงานจะทำการติดต่อเพื่อนัดหมายเวลาในการนำเสนอ อีกครั้ง

หลังจากได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาพัฒนาผลงานแล้ว ทั้ง 5 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ Final จะต้องทำการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชน ให้เห็นภาพชัดเจนทั้งก่อนและหลัง รวมถึงออกแบบแผนการตลาดที่สามารถใช้ได้จริง เพื่อนำเสนอและวางจำหน่ายจริงในรอบ Final ที่งานร้านเด็ดแฟร์ โดย ปตท. จะมีงบประมาณในการพัฒนาผลิตภัณฑ์/สินค้าชุมชนต้นแบบ และเตรียมการต่างๆ ทีมละไม่เกิน 20,000 บาท

เงินจำนวน 20,000 บาท จะต้องนำไปใช้ในการพัฒนาสินค้าต้นแบบตามที่ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการ

การตัดสินผลงานรอบสุดท้าย (Final) : นำเสนอผลงานในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567

5 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ Final สมาชิกในทีมทุกคนจะต้องมานำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการที่งาน “ร้านเด็ดแฟร์” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567 โดยแต่ละทีมจะได้รับการจัดสรรพื้นที่บูธสำหรับจำหน่ายและจัดแสดงสินค้า จำนวน 1 บูท

แต่ละทีมจะมีเวลาในการนำเสนอผลงาน 15 นาที และเปิดโอกาสให้คณะกรรมการซักถาม 10 นาที ไม่จำกัดเทคนิคหรือรูปแบบในการนำเสนอ โดยจะประกาศทีมที่ได้รับรางวัลภายในงานร้านเด็ดแฟร์

เกณฑ์การตัดสินรอบ Final

ด้านผลิตภัณฑ์ (15 คะแนน)
1.1 คุณภาพของสินค้า (คุณภาพของวัตถุดิบ กระบวนการแปรรูป และมาตรฐานรับรองที่ได้รับ) (5 คะแนน)
1.2 เอกลักษณ์ ความโดดเด่นและแตกต่างของสินค้า (10 คะแนน)

ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (35 คะแนน)
2.1 ความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ (15 คะแนน)
2.2 ความสะดวกในการใช้งาน (10 คะแนน)
2.3 ความเป็นไปได้จริง (Feasibility ในด้านการผลิตและด้านต้นทุน) (10 คะแนน)

ด้านการตลาด (35 คะแนน)
3.1 ระบุกลุ่มเป้าหมายชัดเจน (5 คะแนน)
3.2 เอกลักษณ์ของแบรนด์สวยงามและเป็นที่จดจำ (10 คะแนน)
3.3 เรื่องราวของแบรนด์น่าสนใจ (10 คะแนน)
3.4 วางแผนการสื่อสารแบรนด์ได้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านช่องทางการสื่อสารและเนื้อหา และช่องทางการจัดจำหน่าย (10 คะแนน)

ด้านความยั่งยืน (15 คะแนน)
4.1 คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (5 คะแนน)
4.2 ผลกระทบต่อชุมชน (10 คะแนน)
4.2.1 ด้านเศรษฐกิจ (ผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับจากการพัฒนาสินค้านี้)
4.2.2 ด้านสังคม (การทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน การสะท้อนเอกลักษณ์ อนุรักษ์วัฒนธรรม ฯลฯ)

รางวัลการประกวด
รางวัลชนะเลิศ : เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : เงินรางวัล 70,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 และ 4 : เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
และโอกาสในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนร่วมกับ ปตท.

สามารถส่งผลงานผ่านช่องทาง Google Forms ได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 9 กันยายน 2567
คลิกเพื่อส่งผลงาน https://forms.gle/prPCVKn3UA1oCcXh7

หรือดูรายละเอียดการประกวดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3zC7d3C

ติดต่อสอบถาม
E-Mail: communityhappiness@pttplc.com
Facebook : ชุมชนยิ้มได้ โดย กลุ่ม ปตท. https://www.facebook.com/pttcommunityhappiness
Tel : 02-537-2169 และ 02-537-1118

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]

“ภูมิธรรม” รับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง

ทำเนียบ 25 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอกประชุม RBC กองทัพภาค 2 เป็นเรื่องเขตแดน ยอมรับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง ย้ำไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย มองเรื่องเขตแดนไม่เคยจบง่าย บางประเทศใช้เวลาเป็นร้อยปี อย่ากังวลใจ ถ้ายังยืนหยัดผลประโยชน์ชาติ พร้อมยกนาฬิกาข้อมือ ก่อนแซวตัวเอง “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ดูเวลาทุกวัน จะพ้นตำแหน่งแล้ว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชาในส่วนของกองทัพภาคที่2ในวันที่ (27 ส.ค.) จะมีการเสนอเงื่อนไขเหมือนกับการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 หรือแตกต่างกันหรือไม่ว่า ก็ไม่มี เป็นการต่อเนื่อง จากการประชุม RBC ครั้งที่แล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างของแต่ละสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา และพื้นฐานจะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นเรื่องระดับแม่ทัพไปคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นแดน ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันมากที่สุด ส่วนแนวโน้มน่าจะมีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ เพราะการประชุมครั้งก่อนฝ่ายกัมพูชารับเงื่อนไข แต่การประชุมที่กองทัพภาคที่2 มีเรื่องรั้วลวดหนาม ที่แตกต่างกับกองทัพภาคที่ 1 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องรั้วลวดหนามอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับที่พูดคุยกันมา […]

ชื่นชมผ้าไทยลายกริพเพน

25 ส.ค. – ผ้าไทยลาย “กริพเพน” ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย เพจกรุงเก่าของชาวสยาม และคุณ Kamon Wan เผยแพร่ภาพผ้าไทยลายเครื่องบินรบกริพเพน โดยกองทัพอากาศ รายงานว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องบินกริพเพน ที่มาร่วมพิทักษ์แผ่นดินไทย ชายแดนไทย-กัมพูชา และถูกถ่ายทอดลงบนผ้าไหมสุรินทร์อันเลื่องชื่อ ผสาน “ความแข็งแกร่ง” ของนักรบกับ “ความงาม” แห่งภูมิปัญญาไทยได้อย่างทรงพลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แม่ย่านางกริพเพน” ศิลป์และศรัทธาได้รวมเป็นหนึ่ง ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย นี่คือผลงานที่ย้ำเตือนว่าไทยมิได้มีเพียงกำลังปกป้องผืนแผ่นดิน แต่ยังรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันงดงามไว้คู่กัน เพื่อบอกชัดแก่โลกว่าเราคือประเทศไทยผู้สืบสานวัฒนธรรม ที่จะไม่มีวันให้ใครมาย่ำยี ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ว่าผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารสวีเดนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของ SAAB สวีเดน ได้เห็นแล้วปลื้มใจมากที่คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับเครื่องบินกริพเพน และนับเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ กองทัพอากาศมีกำหนดที่จะลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบิน Gripen C/D กับ FMV และ SAAB สวีเดน ในวันนี้ (25 สิงหาคม) นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล […]