กรุงไทย คาดเงินเฟ้อเร่งตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมายไตรมาส 4/67

กรุงเทพฯ 9 ก.ค. – ธนาคารกรุงไทย ชี้อัตราเงินเฟ้อ มิ.ย.67 อยู่ที่ 0.62% ชะลอตัว หลังผลของฐานค่าไฟฟ้าต่ำสิ้นสุด และราคาอาหารสดปรับตัวลดลง คาดเงินเฟ้อไตรมาส 3/67 ต่ำกว่า 1% แนวโน้มเร่งตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมายไตรมาส 4/67


Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มิ.ย.67 ขยายตัว 0.62%YoY เติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ 1.54%YoY และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.1% จากหมวดพลังงานที่ขยายตัว 2.43%YoY ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ 7.15%YoY ด้วยผลกระทบจากฐานค่าไฟที่ต่ำเมื่อปีก่อนสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาหมวดอาหารสดเติบโตได้เพียง 0.19%YoY ชะลอลงจาก 1.51%YoY ในเดือนก่อน ตามราคาเนื้อสัตว์ที่หดตัว และราคาผักสดที่ชะลอตัวลง เนื่องจากสภาพอากาศเริ่มเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหลังจากสภาพอากาศร้อนจัดสิ้นสุดลง

สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.36%YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนที่ระดับ 0.39%YoY โดยราคาสินค้าที่หดตัวปรับลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า อุปกรณ์ซักล้างทำความสะอาด และของใช้ส่วนบุคคล เป็นต้น ส่วนราคาสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องดื่ม และค่าโดยสารสาธารณะ เป็นต้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 0.0%YoY ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.41%YoY



 
Krungthai COMPASS คาดอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 3 จะอยู่ต่ำกว่า 1% ซึ่งเป็นขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในไตรมาส 4 ส่วนหนึ่งจากผลของฐานต่ำในปีก่อน สอดคล้องกับมุมมองของกระทรวงพาณิชย์ที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 3 จะอยู่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 0.78%YoY อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวต่ำจากราคาอาหารสด โดยเฉพาะราคาผักสดที่ปรับลดลงหลังจากสิ้นสุดช่วงอากาศร้อนจัด ค่ากระแสไฟฟ้าที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน รวมถึงราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินซึ่งมีฐานที่สูงในปีก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 4 จะเร่งตัวขึ้นและเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ จากผลของฐานราคาพลังงานทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันขายปลีกที่ปรับลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับ 6 เดือนแรกของปีที่ 0.4% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2560 – 2562) ที่ 0.6% สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ที่ปรับลดลงเหลือ 57.5 ในเดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนที่ระดับ 57.9.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”