กรุงเทพฯ 9 ก.ค. – CHAO เปิดเทรดวันแรกที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.90 บาท หรือ +24.58% จากราคา IPO ที่ 11.80 บาท เดินหน้าสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และนางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหาร ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรก (9 ก.ค.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CHAO” เปิดเทรดวันแรกที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.90 บาท หรือ +24.58% จากราคา IPO ที่ 11.80 บาท
CHAO ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ จำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” ผ่านช่องทางที่หลากหลายและครอบคลุมลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้แก่ 1) กลุ่มร้านค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) 2) กลุ่มร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) 3) ช่องทางส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ และ 4) ช่องทางอื่นๆ
ราคา IPO ที่หุ้นละ 11.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 553.94 ล้านบาท มีแผนนำเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปลงทุนขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี เชื่อว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะสามารถช่วยส่งเสริมการเติบโต จากความพร้อมด้านเงินทุนและการขยายกำลังการผลิต โดยเตรียมเดินหน้าสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 พร้อมยกระดับระบบปฏิบัติการ อัตโนมัติ (Automation) เพื่อรองรับศักยภาพการขยายไปสู่ตลาดระดับโลก พร้อมมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รักษาสถานะ ผู้นำตลาดข้าวตังและขนมขบเคี้ยวที่ทำจากเนื้อหมู และขยายการผลิตสินค้าใหม่ๆ ตอบรับเทรนด์การบริโภคในปัจจุบันและในอนาคต พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนในระยะยาว
นางสาวอินทุอร โมรินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี กล่าวว่า ในปี 2564 2565 และ 2566 มีรายได้จากการขายที่ 1,135.1 ล้านบาท 1,413.6 ล้านบาท และ 1,493.4 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 14.7% ต่อปี ด้านกำไรสุทธิในปี 2564 2565 และ 2566 ทำได้ 64.4 ล้านบาท 86.6 ล้านบาท และ 161.6 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 58.4% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 5.6% 6.1% และ 10.7% ตามลำดับโดยกำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ขณะที่ไตรมาสที่ 1/2567 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 336.2 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2566 จากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 เท่ากับ 26.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2566. -516-สำนักข่าวไทย