กรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – “กอบศักดิ์” เผย FETCO เตรียมหารือคลังพรุ่งนี้ ปรับเกณฑ์ SSF เปรียบ ThaiESG เหมือน LTF เฟสใหม่ คาดจีดีพีปี 67 ขยายตัวถึง 3% ยังห่วงหนี้ครัวเรือน-หนี้นอกระบบ และหนี้ NPL กลุ่มเอสเอ็มอี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO กล่าวในงานสัมมนา Investment Forum 2024 ว่า ช่วงนี้ตลาดการเงินโลกกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเห็นได้จากธนาคารกลางหลายแห่งในยุโรปได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สิ้นสุดแล้วในหลายประเทศ โดยคาดว่ากระบวนการลงดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ จะกินเวลาไปอีก 1.5-2 ปี นำไปสู่การพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจุดนี้มีนัยอย่างยิ่งต่อการลงทุน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยขาลงจะช่วยให้ราคาของพันธบัตรต่าง ๆ จะดีตามไปด้วย
ขณะเดียวกันหลายประเทศทั่วโลกพร้อมใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยและกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร รวมถึงช่วยให้สินค้าจีนที่เข้ามาตลาดไทยออกไปสู่ตลาดโลกที่เปิดกว้างขึ้น ช่วยส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยให้ฟื้นตัวดีขึ้นในระยะต่อไป
นายกอบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีที่ FETCO จะเข้าพบหารือกระทรวงการคลังในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน และขอบคุณเรื่องการปรับหลักเกณฑ์กองทุน Thai ESG ที่เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท เป็นไม่เกิน 300,000 บาท และลดระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน จากเดิมต้องถือครอง 8 ปี เหลือเพียง 5 ปี ขณะที่ปีที่แล้วระยะเวลาที่ให้ลงทุนเพียงสามสัปดาห์ มีเม็ดเงินลงทุน 6,000 ล้านบาท แต่ปีนี้มีเวลามากกว่า คือ 6 เดือน และมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ม.ค.67 ซึ่งมองว่าจะมีส่วนสำคัญในการจะช่วยขับเคลื่อนตลาดทุนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร และดีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ความโปร่งใส คาดว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ส่วนกรณีแนวคิดจะฟื้นกองทุน LTF ก่อนหน้านี้ มองว่าเงื่อนไขใหม่ของ ThaiESG มีความใกล้เคียงเงื่อนไข LTF แตกต่างตรงที่ต้องลงทุนในบริษัทที่ใส่ใจด้าน ESG ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ และเป็นเทรนด์ที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ จึงเปรียบเหมือนเป็น LTF เฟสใหม่ ซึ่งทาง ตลท. และ ก.ล.ต. จะเดินหน้าให้ความรู้บริษัทจดทะเบียนเพื่อยกระดับด้าน ESG เพื่อให้มี ESG Rating ที่ดี โดยจะต้องมีรายละเอียดด้าน G (Governance ) หรือ ความโปร่งใส ในการดำเนินนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อตลาดทุนไทยในระยะยาว
ขณะที่เตรียมนำประเด็น กองทุน SSF ที่กำลังจะสิ้นสุดในปีนี้ว่าจะมีการขับเคลื่อนต่ออย่างไร เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ประชาชนและคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ จึงต้องการหาแนวทางเพื่อให้ประชาชนสนใจ และ ให้เป็นกองทุนที่เป็นจุดเริ่มต้นในตลาดทุน
ส่วนการที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดเตรียมฟื้นกองทุนวายุภักษ์ นายกอบศักดิ์ มองว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังต้องหารือกับกระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต. ในรายละเอียดอีกหลายอย่างว่า FETCO จะช่วยดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยทั้งหมดนี้ ทาง FETCO พร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต. เพื่อช่วยดำเนินการด้านกองทุนการออมระยะยาวของประเทศ และตลาดทุน เพื่อให้เกิดสินค้าใหม่ๆและพลิกฟื้นตลาดมีความคึกคักมากขึ้น
สำหรับมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 คาดว่าจะขับเคลื่อนได้ดีระดับหนึ่ง และจะขยายตัวได้ถึง 3% โดยได้แรงขับเคลื่อนสำคัญจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทั้งงบประมาณปี 2567 และ 2568 รวมถึงสอดรับกับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกได้รับผลบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่จะเป็นแรงส่งที่ดีให้เกิดการลงทุนช่วงปลายปีถึงปีหน้า ซึ่งยังไม่รวมการดำเนินมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
”แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังขับเคลื่อนไปได้ แต่ยังคงมีปัญหาเป็นหนี้นอกระบบของภาคครัวเรือน ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs มีหนี้เสีย (NPL) ตั้งแต่ช่วงโควิดและเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน หากแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ เช่น การค้ำประกันสินเชื่อ การแก้หนี้ NPL ปลดล็อคให้เอสเอ็มอีกู้แบงก์ได้ ให้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าได้“ นายกอบศักดิ์ กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย