กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – จุดยืน ส.อ.ท. ต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมเอทานอล ตาม (ร่าง) AEDP 2024 “E20 ต้องเป็นน้ำมันพื้นฐานแทน E10” ส่งเสริม เกษตรกร สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. และภาคกษตรกร และภาคเอกชนต่างๆ เข้าร่วมงานรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก พ.ศ.2567-2580 (AEDP 2024) เมื่อเร็วๆ นี้ และร่วมแสดงความเห็นในประเด็นเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีแนวทางในการปรับลดจากแก๊สโซฮอล์ E20 ลงเหลือ E10 และให้เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน โดยความเห็น ส.อ.ท. ต่อ (ร่าง) AEDP 2024 เห็นว่ากระบวนการจัดทำขาดความโปร่งใส ขาดการมีส่วนร่วมจากภาคเกษตรกร ปิดเส้นทางการแข่งขัน ตัดระบบรายได้ของเกษตรกรมากกว่า 1.2 ล้านครัวเรือน ขัดแย้งยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของประเทศ จากการบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero และการพัฒนาเศรษฐกิจโมเดล BCG ควรวาง Roadmap การพัฒนาอุตสาหกรรมเอทานอล ระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อปรับไปสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานเป็นอุตสาหกรรมเอทานอลมูลค่าสูง ได้ตามระยะเวลาที่สมเหตุสมผล
ทั้งนี้ ส.อ.ท. เสนอส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ E20 สร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรม เปิดเสรีเอทานอลบริสุทธิ์เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาสู่อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพด้วยเศรษฐกิจโมเดล BCG และ ESG ลดการปลดปล่อยคาร์บอนในปัจจุบันด้วยแก๊สโซฮอล์ E20 พัฒนาเทคโนโลยีและเชื้อเพลิงใหม่ลดการปลดปล่อยคาร์บอนมากขึ้น และส่งเสริมตลาดสินค้าและพลังงานสะอาดด้วย Carbon tax
“ไทยจะลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ โดยการใช้ E20 ที่ผลิตเองในประเทศ เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันดิบ 10,493 ล้านลิตร/ปี รวมทั้งสร้างรายได้ต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม 56,000 ล้านบาท/ปี และต้องส่งเสริมเปิดเสรีตลาดเอทานอลบริสุทธิ์ เพื่อ ขยายไปสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูง ที่สามารถทำได้ทันที เช่น อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ สารสกัดสมุนไพร เครื่องสำอางค์ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นต้น จะช่วยลดการพึ่งพา สินค้าและพลังงานฟอสซิลจากต่างประเทศ สร้างรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันสำปะหลังกว่า 170,000 ล้านบาทต่อปี กระจายรายได้สู่เกษตรกร 1.2 ล้านครัวเรือน” นายอิศเรศ กล่าว. -511-สำนักข่าวไทย