กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยเปราะบาง หั่นคาดการณ์ GDP เหลือ 2.5% ยอมรับศาลตัดสิน 3 คดีการเมืองกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่ไม่มากเท่ากับพิษการเมืองระหว่างประเทศ คาด กนง.ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง เหลือ 2% ต้นปี 68
นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Inteligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงมุมมองเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 2 ปี 2567 ว่าเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางและโตต่ำลงเรื่อย ๆ โดยปรับคาดการณ์ GDP หลายครั้ง ปีที่แล้วประเมินว่าเศรษฐกิจไทยโต 3% ส่วนปีนี้ ปรับคาดการณ์ GDP ลดเหลือ 2.6% ล่าสุด ปรับลดลงอีกคาดว่า GDP จะโตเพียงแค่ 2.5%
โดย SCB EIC มองว่าปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทยให้โตต่ำ ปัจจัยการผลิตลดลง การจ้างงาน-รายได้ลดลง, มาตรการทางการเงินเข้มงวดขึ้น, และปัจจัยเชิงโครงสร้าง เมื่อเศรษฐกิจระยะสั้นไม่ดีจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนระยะยาวลดลงเรื่อย ๆ
ส่วนประเด็นทางการเมืองที่มี 3 คดีสำคัญทางการเมืองในวันนี้ มองว่าอาจกระทบในระยะสั้น แต่ในระยะยาวที่ผ่านมาการเมืองไทยไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจโลก อย่างการเมืองระหว่างประเทศจีน-สหรัฐอเมริกา ภาวะสงคราม กระทบการส่งออก เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่า คือความไม่แน่นอนของนโยบายการเมืองส่งผลต่อนโยบายรัฐบาล ซึ่งนโยบายรัฐบาลจะส่งผลต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ทั่วโลกที่อยู่บนความไม่แน่อนอน ยิ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเกิดความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนและคู่ค้าธุรกิจขาดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย และหันไปหาประเทศอื่นที่มีความแน่นอนด้านนโยบายมากกว่า กระทบไปถึงภาคการลงทุนที่จะเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้น้อยลง ซึ่งขณะนี้เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วจากฟันโฟล์วที่ไหลออก รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ทำได้ยากขึ้น
ด้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย SCB EIC มองว่า จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะปัจจัยเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยปรับลง ตามคาดการณ์ GDP ที่ปรับลงเรื่อยๆ โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 2% SCB EIC มีมุมมองว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้งปลายปี 2567 เหลือ 2.25% และปรับลด อีกครั้งเหลือ 2% ในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะปรับลงเร็วกว่าคาดการณ์
ส่วนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้หรือไม่นั้น มองว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นทั้ง 2 อย่าง คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งรัฐบาลควรทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน โดยการช่วยเหลือเยียวยา มุ่งเร่งช่วยเหลือไปที่กลุ่มคนชั้นกลางถึงรากหญ้า ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มคนมีกำลังซื้อสูง
สำหรับในปี 2568 SCB EIC มีการประมาณการณ์ GDP ไว้ที่ 2.9% ซึ่งยังไม่รวมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากรวมดิจิทัลวอลเล็ต คาดการณ์ GDP ปีหน้าจะโตเพิ่มขึ้นอีก 0.5% ทั้งนี้ ยังมีข้อกังวลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาวที่ขึ้นอยู่ 3 ปัจจจัยเสี่ยง ได้แก่ หนี้ครัวเรือน, ขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ และหนี้สาธารณะไม่ลดลง. -516-สำนักข่าวไทย