เตรียมจัดงานมหกรรมรวมพลัง SME ไทยสร้างมูลค่าเพิ่ม

นนทบุรี 14 มิ.ย. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า-สสว. และหน่วยงานพันธมิตร เตรียมจัด “มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024” งานยิ่งใหญ่แห่งปีเพื่อชาว SME ไทยพบ 6 ไฮไลท์สำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ SME และแฟรนไชส์สร้างอาชีพเพื่อผู้ว่างงาน ดัน GDP SME ไทย ทะยานแตะ 40% ในปี 2570 พร้อมจับมือ 6 พันธมิตร เซ็น MOU ขับเคลื่อน SME Clinic ที่จัดขึ้นภายในงาน


นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2567 กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกันจัด ‘มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024’ ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นงานยิ่งใหญ่แห่งปีเพื่อชาวSME ไทย เนื่องด้วยกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับการค้าของธุรกิจ SME เนื่องจาก SME มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนอยู่ในวงจรธุรกิจตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ช่วงเติบโตโดยเป็นแหล่งรองรับการจ้างงานที่สำคัญของประเทศ รวมไปถึงช่วงการต่อยอดธุรกิจสู่ระดับสากล โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าผลักดันให้ธุรกิจ SME มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP ภายในปี2570 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 35%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยโดยได้วาง Road Map ในการสร้างโอกาสให้กับผู้ว่างงานและผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการมีอาชีพ สร้างรายได้ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตด้วยธุรกิจ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์และหาทางออกของปัญหาให้กับ SME ซึ่งที่ผ่านมาได้รับทราบว่า อุปสรรคของ SME คือ ขาดเงินทุน ขาดเป้าหมายแผนธุรกิจ ขาดเครื่องมือ ไม่มีตลาดไม่มีทำเล นำมาสู่การจัดงานมหกรรมรวมพลัง SME ไทยในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญจากความร่วมแรงร่วมใจของกระทรวงพาณิชย์และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อปลุกพลัง SME ไทย ให้พร้อมที่จะแข่งขันและเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยงานนี้เปรียบเสมือน ‘One-Stop Shopping’ สำหรับ SME ที่ช่วยสร้างโอกาส สร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจด้วยองค์ความรู้ด้านต่างๆ เครื่องมือที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และทำเลการค้าที่คัดสรรแล้วในราคาพิเศษ ตลอดจนการเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ SME


อย่างไรก็ตาม 6 ไฮไลท์สำคัญภายในงาน ประกอบด้วย
1.ทำเลการค้าพิเศษ โดยประชาชนทั่วไป ผู้ว่างงาน ที่ต้องการมีอาชีพ มีรายได้ และต้องการเติบโตทางธุรกิจ สามารถมาเดินงานนี้เพื่อเลือกทำเลการค้าราคาพิเศษกว่า 19,000 ทำเล จากเจ้าของพื้นที่ทั้งสถานีบริการน้ำมัน ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนตลาดชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเจ้าของพื้นที่พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้ SME เช่น ปลอดค่าเช่าตลอดสัญญาชำระเฉพาะค่าสาธารณูปโภค ทดลองขาย 2 เดือนเหมาจ่ายเริ่มต้น 2,000 – 4,000 บาท ฟรีค่าเช่าพื้นที่ 3 เดือนแรก เป็นต้น โดยสามารถพูดคุยต่อรองราคากับเจ้าของพื้นที่ได้ทันที
2.ภายในงานได้จัดให้มีบริการ “SME Clinic” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 22 หน่วยงาน ที่พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SME ในเรื่องต่างๆ เพื่อติดอาวุธและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ SME ไทย ขณะเดียวกันเมื่อ SME ได้รับการเสริมทักษะ และหาก SME เหล่านี้มีความต้องการเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน SME ที่ได้รับการพัฒนาเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารในการให้สินเชื่อว่า SME ที่ผ่านการบ่มเพาะได้รับคำปรึกษาแนะนำจะสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อจะปล่อยเงินกู้

3.งานนี้มีธุรกิจแฟรนไชส์มาร่วมออกบูธกว่า 60 ราย ดังนั้น ผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพ เสริมรายได้ด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ มีเจ้าของแฟรนไชส์ที่พร้อมเจรจาจับคู่ธุรกิจในงาน แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม การศึกษา บริการ ความงามและสปา และค้าปลีก โดยมีแพ็กเกจแฟรนไชส์หลายราคา หลายรูปแบบ และส่วนลดสูงสุดถึง 30% ตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท
4.การต่อยอดจากงานครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะสรรหาทำเลการค้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เครือข่ายธุรกิจ มอค บิส คลับประเทศไทย เพื่อหาทำเลการค้าราคาพิเศษให้ผู้สนใจ
5.ผู้ที่ต้องการแหล่งเงินทุนในการทำธุรกิจ ภายในงานมีแพ็กเกจสินเชื่อพิเศษสำหรับ SME จากสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน รวม 18 หน่วยงาน วงเงินให้กู้รวม 45,000 ล้านบาท มีอัตราสินเชื่อพิเศษตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก ลดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.25% สำหรับผู้ประกอบการขนาด S และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1% ต่อเดือน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย เป็นต้น
6.เวทีกลางเสริมทักษะให้ SME จากวิทยากรมืออาชีพที่เชี่ยวชาญที่มาพูดในงานนี้เป็นพิเศษ ดังนั้น SME ที่ต้องการติดอาวุธ เพื่อต่อยอดศักยภาพในการทำธุรกิจ สามารถรับฟังประสบการณ์และองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ เทคนิคการบริหารธุรกิจ การทำบัญชีง่ายๆ อย่างมืออาชีพ กลยุทธ์ทางการตลาด ธุรกิจสีเขียว AI และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือ
สำหรับธุรกิจ SME เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังในวันนี้ ยังได้มี ‘พิธีลงนามความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อน SME Clinic เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน SME ไทย’ ระหว่าง 6 หน่วยงาน คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายธุรกิจ มอค บิส คลับประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการ และสร้างโอกาสทางการค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดย SME Clinic จะเป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ประกอบการ SME


งานมหกรรมรวมพลัง SME ไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SME และผู้ว่างงาน จากการมีทำเลการค้าราคาพิเศษ สามารถเข้าถึงสินเชื่ออัตราพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ รวมทั้งสร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งติดอาวุธให้ SME สามารถเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยคาดว่าตลอดการจัดงาน 5 วัน จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 140 ล้านบาท

ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SME และผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมงาน และเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจาก SME ทั่วประเทศกว่า 300 บูธ ที่คัดสรรมาให้เลือกซื้อแบบจุใจ และกิจกรรมเด็ดๆ ที่จะช่วยจุดประกายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้ที่งาน ‘มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024’ ระหว่างวันที่ 19 – 23 มิถุนายน 2567 ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์. -514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย