เตรียมจัดงานมหกรรมรวมพลัง SME ไทยสร้างมูลค่าเพิ่ม

นนทบุรี 14 มิ.ย. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า-สสว. และหน่วยงานพันธมิตร เตรียมจัด “มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024” งานยิ่งใหญ่แห่งปีเพื่อชาว SME ไทยพบ 6 ไฮไลท์สำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ SME และแฟรนไชส์สร้างอาชีพเพื่อผู้ว่างงาน ดัน GDP SME ไทย ทะยานแตะ 40% ในปี 2570 พร้อมจับมือ 6 พันธมิตร เซ็น MOU ขับเคลื่อน SME Clinic ที่จัดขึ้นภายในงาน


นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2567 กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกันจัด ‘มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024’ ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นงานยิ่งใหญ่แห่งปีเพื่อชาวSME ไทย เนื่องด้วยกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับการค้าของธุรกิจ SME เนื่องจาก SME มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนอยู่ในวงจรธุรกิจตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ช่วงเติบโตโดยเป็นแหล่งรองรับการจ้างงานที่สำคัญของประเทศ รวมไปถึงช่วงการต่อยอดธุรกิจสู่ระดับสากล โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าผลักดันให้ธุรกิจ SME มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP ภายในปี2570 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 35%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยโดยได้วาง Road Map ในการสร้างโอกาสให้กับผู้ว่างงานและผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการมีอาชีพ สร้างรายได้ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตด้วยธุรกิจ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์และหาทางออกของปัญหาให้กับ SME ซึ่งที่ผ่านมาได้รับทราบว่า อุปสรรคของ SME คือ ขาดเงินทุน ขาดเป้าหมายแผนธุรกิจ ขาดเครื่องมือ ไม่มีตลาดไม่มีทำเล นำมาสู่การจัดงานมหกรรมรวมพลัง SME ไทยในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญจากความร่วมแรงร่วมใจของกระทรวงพาณิชย์และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อปลุกพลัง SME ไทย ให้พร้อมที่จะแข่งขันและเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยงานนี้เปรียบเสมือน ‘One-Stop Shopping’ สำหรับ SME ที่ช่วยสร้างโอกาส สร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจด้วยองค์ความรู้ด้านต่างๆ เครื่องมือที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และทำเลการค้าที่คัดสรรแล้วในราคาพิเศษ ตลอดจนการเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ SME


อย่างไรก็ตาม 6 ไฮไลท์สำคัญภายในงาน ประกอบด้วย
1.ทำเลการค้าพิเศษ โดยประชาชนทั่วไป ผู้ว่างงาน ที่ต้องการมีอาชีพ มีรายได้ และต้องการเติบโตทางธุรกิจ สามารถมาเดินงานนี้เพื่อเลือกทำเลการค้าราคาพิเศษกว่า 19,000 ทำเล จากเจ้าของพื้นที่ทั้งสถานีบริการน้ำมัน ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนตลาดชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเจ้าของพื้นที่พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้ SME เช่น ปลอดค่าเช่าตลอดสัญญาชำระเฉพาะค่าสาธารณูปโภค ทดลองขาย 2 เดือนเหมาจ่ายเริ่มต้น 2,000 – 4,000 บาท ฟรีค่าเช่าพื้นที่ 3 เดือนแรก เป็นต้น โดยสามารถพูดคุยต่อรองราคากับเจ้าของพื้นที่ได้ทันที
2.ภายในงานได้จัดให้มีบริการ “SME Clinic” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 22 หน่วยงาน ที่พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SME ในเรื่องต่างๆ เพื่อติดอาวุธและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ SME ไทย ขณะเดียวกันเมื่อ SME ได้รับการเสริมทักษะ และหาก SME เหล่านี้มีความต้องการเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน SME ที่ได้รับการพัฒนาเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารในการให้สินเชื่อว่า SME ที่ผ่านการบ่มเพาะได้รับคำปรึกษาแนะนำจะสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อจะปล่อยเงินกู้

3.งานนี้มีธุรกิจแฟรนไชส์มาร่วมออกบูธกว่า 60 ราย ดังนั้น ผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพ เสริมรายได้ด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ มีเจ้าของแฟรนไชส์ที่พร้อมเจรจาจับคู่ธุรกิจในงาน แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม การศึกษา บริการ ความงามและสปา และค้าปลีก โดยมีแพ็กเกจแฟรนไชส์หลายราคา หลายรูปแบบ และส่วนลดสูงสุดถึง 30% ตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท
4.การต่อยอดจากงานครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะสรรหาทำเลการค้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เครือข่ายธุรกิจ มอค บิส คลับประเทศไทย เพื่อหาทำเลการค้าราคาพิเศษให้ผู้สนใจ
5.ผู้ที่ต้องการแหล่งเงินทุนในการทำธุรกิจ ภายในงานมีแพ็กเกจสินเชื่อพิเศษสำหรับ SME จากสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน รวม 18 หน่วยงาน วงเงินให้กู้รวม 45,000 ล้านบาท มีอัตราสินเชื่อพิเศษตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก ลดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.25% สำหรับผู้ประกอบการขนาด S และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1% ต่อเดือน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย เป็นต้น
6.เวทีกลางเสริมทักษะให้ SME จากวิทยากรมืออาชีพที่เชี่ยวชาญที่มาพูดในงานนี้เป็นพิเศษ ดังนั้น SME ที่ต้องการติดอาวุธ เพื่อต่อยอดศักยภาพในการทำธุรกิจ สามารถรับฟังประสบการณ์และองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ เทคนิคการบริหารธุรกิจ การทำบัญชีง่ายๆ อย่างมืออาชีพ กลยุทธ์ทางการตลาด ธุรกิจสีเขียว AI และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือ
สำหรับธุรกิจ SME เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังในวันนี้ ยังได้มี ‘พิธีลงนามความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อน SME Clinic เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน SME ไทย’ ระหว่าง 6 หน่วยงาน คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายธุรกิจ มอค บิส คลับประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการ และสร้างโอกาสทางการค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดย SME Clinic จะเป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ประกอบการ SME


งานมหกรรมรวมพลัง SME ไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SME และผู้ว่างงาน จากการมีทำเลการค้าราคาพิเศษ สามารถเข้าถึงสินเชื่ออัตราพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ รวมทั้งสร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งติดอาวุธให้ SME สามารถเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยคาดว่าตลอดการจัดงาน 5 วัน จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 140 ล้านบาท

ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SME และผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมงาน และเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจาก SME ทั่วประเทศกว่า 300 บูธ ที่คัดสรรมาให้เลือกซื้อแบบจุใจ และกิจกรรมเด็ดๆ ที่จะช่วยจุดประกายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้ที่งาน ‘มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024’ ระหว่างวันที่ 19 – 23 มิถุนายน 2567 ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์. -514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]