นนทบุรี 14 มิ.ย. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า-สสว. และหน่วยงานพันธมิตร เตรียมจัด “มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024” งานยิ่งใหญ่แห่งปีเพื่อชาว SME ไทยพบ 6 ไฮไลท์สำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ SME และแฟรนไชส์สร้างอาชีพเพื่อผู้ว่างงาน ดัน GDP SME ไทย ทะยานแตะ 40% ในปี 2570 พร้อมจับมือ 6 พันธมิตร เซ็น MOU ขับเคลื่อน SME Clinic ที่จัดขึ้นภายในงาน
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2567 กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกันจัด ‘มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024’ ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นงานยิ่งใหญ่แห่งปีเพื่อชาวSME ไทย เนื่องด้วยกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับการค้าของธุรกิจ SME เนื่องจาก SME มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนอยู่ในวงจรธุรกิจตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ช่วงเติบโตโดยเป็นแหล่งรองรับการจ้างงานที่สำคัญของประเทศ รวมไปถึงช่วงการต่อยอดธุรกิจสู่ระดับสากล โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าผลักดันให้ธุรกิจ SME มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP ภายในปี2570 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 35%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยโดยได้วาง Road Map ในการสร้างโอกาสให้กับผู้ว่างงานและผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการมีอาชีพ สร้างรายได้ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตด้วยธุรกิจ
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์และหาทางออกของปัญหาให้กับ SME ซึ่งที่ผ่านมาได้รับทราบว่า อุปสรรคของ SME คือ ขาดเงินทุน ขาดเป้าหมายแผนธุรกิจ ขาดเครื่องมือ ไม่มีตลาดไม่มีทำเล นำมาสู่การจัดงานมหกรรมรวมพลัง SME ไทยในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญจากความร่วมแรงร่วมใจของกระทรวงพาณิชย์และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อปลุกพลัง SME ไทย ให้พร้อมที่จะแข่งขันและเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยงานนี้เปรียบเสมือน ‘One-Stop Shopping’ สำหรับ SME ที่ช่วยสร้างโอกาส สร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจด้วยองค์ความรู้ด้านต่างๆ เครื่องมือที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และทำเลการค้าที่คัดสรรแล้วในราคาพิเศษ ตลอดจนการเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ SME
อย่างไรก็ตาม 6 ไฮไลท์สำคัญภายในงาน ประกอบด้วย
1.ทำเลการค้าพิเศษ โดยประชาชนทั่วไป ผู้ว่างงาน ที่ต้องการมีอาชีพ มีรายได้ และต้องการเติบโตทางธุรกิจ สามารถมาเดินงานนี้เพื่อเลือกทำเลการค้าราคาพิเศษกว่า 19,000 ทำเล จากเจ้าของพื้นที่ทั้งสถานีบริการน้ำมัน ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนตลาดชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเจ้าของพื้นที่พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้ SME เช่น ปลอดค่าเช่าตลอดสัญญาชำระเฉพาะค่าสาธารณูปโภค ทดลองขาย 2 เดือนเหมาจ่ายเริ่มต้น 2,000 – 4,000 บาท ฟรีค่าเช่าพื้นที่ 3 เดือนแรก เป็นต้น โดยสามารถพูดคุยต่อรองราคากับเจ้าของพื้นที่ได้ทันที
2.ภายในงานได้จัดให้มีบริการ “SME Clinic” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 22 หน่วยงาน ที่พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SME ในเรื่องต่างๆ เพื่อติดอาวุธและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ SME ไทย ขณะเดียวกันเมื่อ SME ได้รับการเสริมทักษะ และหาก SME เหล่านี้มีความต้องการเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน SME ที่ได้รับการพัฒนาเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารในการให้สินเชื่อว่า SME ที่ผ่านการบ่มเพาะได้รับคำปรึกษาแนะนำจะสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อจะปล่อยเงินกู้
3.งานนี้มีธุรกิจแฟรนไชส์มาร่วมออกบูธกว่า 60 ราย ดังนั้น ผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพ เสริมรายได้ด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ มีเจ้าของแฟรนไชส์ที่พร้อมเจรจาจับคู่ธุรกิจในงาน แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม การศึกษา บริการ ความงามและสปา และค้าปลีก โดยมีแพ็กเกจแฟรนไชส์หลายราคา หลายรูปแบบ และส่วนลดสูงสุดถึง 30% ตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท
4.การต่อยอดจากงานครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะสรรหาทำเลการค้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เครือข่ายธุรกิจ มอค บิส คลับประเทศไทย เพื่อหาทำเลการค้าราคาพิเศษให้ผู้สนใจ
5.ผู้ที่ต้องการแหล่งเงินทุนในการทำธุรกิจ ภายในงานมีแพ็กเกจสินเชื่อพิเศษสำหรับ SME จากสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน รวม 18 หน่วยงาน วงเงินให้กู้รวม 45,000 ล้านบาท มีอัตราสินเชื่อพิเศษตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก ลดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.25% สำหรับผู้ประกอบการขนาด S และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1% ต่อเดือน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย เป็นต้น
6.เวทีกลางเสริมทักษะให้ SME จากวิทยากรมืออาชีพที่เชี่ยวชาญที่มาพูดในงานนี้เป็นพิเศษ ดังนั้น SME ที่ต้องการติดอาวุธ เพื่อต่อยอดศักยภาพในการทำธุรกิจ สามารถรับฟังประสบการณ์และองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ เทคนิคการบริหารธุรกิจ การทำบัญชีง่ายๆ อย่างมืออาชีพ กลยุทธ์ทางการตลาด ธุรกิจสีเขียว AI และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นเครื่องมือ
สำหรับธุรกิจ SME เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังในวันนี้ ยังได้มี ‘พิธีลงนามความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อน SME Clinic เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน SME ไทย’ ระหว่าง 6 หน่วยงาน คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายธุรกิจ มอค บิส คลับประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการ และสร้างโอกาสทางการค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดย SME Clinic จะเป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ประกอบการ SME
งานมหกรรมรวมพลัง SME ไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SME และผู้ว่างงาน จากการมีทำเลการค้าราคาพิเศษ สามารถเข้าถึงสินเชื่ออัตราพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ รวมทั้งสร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพด้วยธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งติดอาวุธให้ SME สามารถเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยคาดว่าตลอดการจัดงาน 5 วัน จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 140 ล้านบาท
ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SME และผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมงาน และเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจาก SME ทั่วประเทศกว่า 300 บูธ ที่คัดสรรมาให้เลือกซื้อแบบจุใจ และกิจกรรมเด็ดๆ ที่จะช่วยจุดประกายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้ที่งาน ‘มหกรรมรวมพลัง SME ไทย : THAILAND SME SYNERGY EXPO 2024’ ระหว่างวันที่ 19 – 23 มิถุนายน 2567 ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์. -514-สำนักข่าวไทย