กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.-ตลท. เชิญทูตรับฟังข้อมูลศักยภาพ ความแข็งแกร่งของตลาดทุนและประเทศไทย ด้านโบรกเกอร์มองปัญหาการเมืองบั่นทอนความเชื่อมั่นลงทุน นักวิชาการแนะรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้อนรับเอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ทูตการค้าและเจ้าหน้าที่การทูต จากสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทย 29 ประเทศ ในโอกาสเข้าร่วมงาน “Embassies @ SET” เพื่อรับฟังข้อมูลศักยภาพและความแข็งแกร่งของตลาดทุนและประเทศไทย พร้อมรับฟังมุมมองต่างชาติถึงความสนใจในการลงทุนในประเทศไทย ตลาดทุนไทย และโอกาสการทำธุรกิจระหว่างกันในอนาคต
นายกวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content บล.พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากนโยบายดอกเบี้ยชัดเจนจากที่ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐและคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วานนี้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ปัญหาที่กระทบต่อตลาดทุนไทยคือ การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งนัดพิจารณาในวันที่ 18 มิ.ย. เป็นวันเดียวกันมีการพิจารณาคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน รวมทั้งอัยการนัดส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112
“ต่างชาติเริ่มชะลอการขายหุ้นไทย จากที่ขายไปหนักก่อนหน้านี้ ดังนั้น ความไม่แน่นอน การเมือง อาจจะยังมีผลไม่แยอะอีกมากนัก หากหุ้นไปถึงระดับ บวกลบ 1,300 จุด อาจเห็นรีบาวด์ โดยปัจจัยบวกจะมาจากคาดการณ์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2-4 จะดีกว่าไตรมาส1 คาดไตรมาส 4/67 อาจโต 4 % จากการบริโภค การท่องเที่ยว งบภาครัฐที่ออกมาก ขออย่างเดียว งบปี 68 อย่าเลื่อน ประกอบกับรัฐบาลจะออกแอลทีเอฟก็คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามา 1-2 หมื่นล้านบาท ก็อาจจะเห็นหุ้นไทยปลายปีนี้ไปถึงระดับ 1,400-1,450 จุด”นายกวี กล่าว
นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยช่วงนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ที่หนี้ครัวเรือนสูงถึงกว่าร้อยละ 90 ของจีดีพี นั่นหมายความว่าการกู้เงินเพื่อไปใช้จ่ายจะไม่มากขึ้นอีกแล้ว แม้ดอกเบี้ยลดลงก็จะไม่ช่วยด้านการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกโจทย์เหมือนกันคือ เศรษฐกิจโลกฟื้นแบบช้าๆ นโยบายการเงินที่ส่งสัญญาณนิ่งช่วยประคองแบบนี้ เป็นเรื่องที่ดี และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังและอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การลงทุน หรือแม้แต่เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่รัฐก็ต้องสร้างความชัดเจน ก็จะช่วยเศรษฐกิจระยะสั้น โดยที่สำคัญรัฐบาลก็ต้องจัดสรรงบช่วยเอสเอ็มอีและพัฒนาศักยภาพแรงงานของไทย และผู้ประกอบการ ให้สามารถแข่งขันได้กับความเปลี่ยนแปลงของโลก
“ดอกเบี้ยไม่ใช่อาวุธลำดับแรกในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงนี้ ดอกเบี้ยจะทรงพลังมากสุดตอนที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปแล้ว ตอนนี้หนี้ครัวเรือนที่สูงมาก การลดดอกเบี้ยก็ไม่ได้ ช่วยประชาชน กนง.ส่งสัญญาณว่านโยบายทางการเงิน “นิ่ง” เพื่อให้ทางรัฐบาลใช้นโยบายการส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่ ถ้าหากนโยบายการเงินและ การคลังไปคนละทางก็จะไม่สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ “นายเกียรติอนันต์กล่าว . -511 สำนักข่าวไทย