กรมสรรพากร 31 พ.ค. – “จุลพันธ์” หนุนสรรพากร ขยายฐานภาษี มุ่งสื่อให้รู้ประโยชน์จากเสียภาษี เดินหน้าใช้เทคโนโลยี ยกระดับ อำนวยความสะดวกเสียภาษี
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกรมสรรพากร ว่า กระทรวงการคลัง หนุนให้นำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ และเดินหน้าขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น โดยปรับกลไก หาช่องทางสื่อสาร สร้างจิตสำนึกให้คนไทยเสียภาษีครบถ้วน ให้รับรู้ว่า เงินภาษีจ่ายไปถึงรัฐแล้ว ประโยชน์กลับคืนไปยังประชาชนอย่างไร ได้อะไรกลับคืนมา ทั้งสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทุกด้าน
สรรพากรพร้อมเดินหน้ายกระดับอย่างชัดเจน เช่น ระบบ Refund ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกตุ้นการใช้จ่ายในประเทศไทย ระบบ “One Portal One Profile” เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของสรรพากรกับอีกหลายระบบ ทั้งระบบการซื้อขาย การชำระภาษี เมื่อถึงสิ้นปีต้องยื่นแบบ เพียงเข้าระบบสามารถรับรู้ข้อมูลทุกด้านชัดเจน สะดวกมากในการชำระภาษี กำหนดเป้าหมายเริ่มใช้ได้ภายในปี 2570
กรมสรรพากร ต้องปรับระบบ กระบวนการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี เพื่อให้ประชาชนเข้าใจง่าย ยื่นแบบทำได้แบบง่ายๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกกับทุกคน รวมทั้งหารือเรื่องการลดหย่อนภาษี ที่มีหลายประเภทในปัจจุบัน โดยต้องมีตัวชี้วัด เพื่อให้รู้ว่าไปถึงเป้าหมายหรือไม่ จึงต้องกำหนดกรอบเวลา กำหนดเป้าหมายการให้ลดหย่อนภาษีในแต่ละประเภทให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐ
สำหรับการคืนภาษีให้กับผู้ยื่นแบบภาษีประจำปี นับเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง ต้องใช้เอกสารค่อนข้างมาก เพื่อให้เกิดความสะดวกกับประชาชน ภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ หากให้คืนภาษีอย่างรวดเร็ว ขณะที่สรรพากรต้องดูอย่างรอบคอบ ถูกต้องตามกฎหมาย และได้ฝากการบ้านให้กรมสรรพากร คิดหาแนวทาง หรือใช้กลไกภาษีไปช่วยได้อย่างไร การกำหนดแนวทางประหยัดงบประมาณ เพราะรัฐบาลมีภาระหลายด้าน
เช่น โครงการรัฐสวัสดิการฯ เช่น 30 บาท รักษาทุกโรค ใช้งบหลายแสนล้านบาทต่อปี และเพิ่มขึ้นทุกปี การใช้นโยบายภาษีลดปัญหาฝุ่นควัน ปัญหาสิ่งแวดล้อม สำหรับมาตรการกกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้น ระยะปานกลาง ระยะยาว มุ่งใช้กลไกภาษีช่วยเหลือได้ รองรับอุตหสากรรมแห่งอนาคต ทั้งสิ่งแวดล้อม ด้านสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้เป็นไปตามนโยบายรัฐ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากร ยังเดินหน้าติดตามตรวจสอบการชำระภาษีให้ถูกต้อง หลังสภาพัฒน์ฯ ระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่ ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์แต่ไม่ยื่นแบบภาษีฯ จึงต้องนำระบบ AI มาช่วยกลั่นกรอง พฤติกรรมผิดปกติ เพื่อใช้ประเมินการเสียภาษี เพื่อแจ้งเตือนไปยังประชาชน ผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ แต่ไม่ชำระภาษี เริ่มดำเนินมาแล้วตั้งแต่ปี 2563 เพื่อแจ้งเตือนไปยังประชาชนกว่า 500,000 ราย ยอมรับว่ามี กลุ่มดังกล่าวครึ่งหนึ่ง ยอมกลับมาเสียภาษี จึงมีรายได้เข้ารัฐ เพิ่มกว่า 4,500 ล้านบาท จึงเดินหน้าพัฒนาระบบเพื่อขยายฐานภาษีให้มากขึ้น .-515 สำนักข่าวไทย