นนทบุรี 31 พ.ค.-อธิบดีกรมการค้าภายในย้ำราคาดีเซลปรับขึ้นขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ขยับเป็น 32.94 บาทต่อลิตรมีผล 31 พ.ค.2567 พร้อมติดตามราคาสินค้าทุกรายการอย่างใกล้ชิด
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่ากรมฯได้ติดตามปัจจัยต่างๆ ที่จะมีผลต่อราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของราคา และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ อาทิ วัตถุดิบเพื่อใช้ในกลุ่มปศุสัตว์ หรือ สินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค ตั้งแต่ต้นน้ำที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของราคาสินค้าจำเป็นทั้ง 18 หมวดที่กำกับดูแล
ส่วนราคาสินค้าเกษตรสำคัญ อย่างข้าวเปลือก สัปดาห์นี้ราคาทรงตัว โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตันละ 15,750 บาทสูงสุดที่ 16,500 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ตันละ 15,500 บาทสูงสุดที่ 16,300 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานีตันละ 12,300 บาทสูงสุด 12,900 บาทและข้าวเปลือกเหนียวตันละ 14,300 บาทสูงสุดที่ตันละ 14,800 บาท ถือเป็นราคาที่ยังทรงตัวสูงอยู่ในเกณฑ์ที่เกษตรกรได้ราคาดี
ขณะที่มันสำปะหลัง ราคาเฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 3.15 บาท แต่ขณะนี้ขอให้เกษตรกร ชะลอการขุดหัวมันออกไปก่อน เพราะจากปัญหาภัยแล้งในช่วงก่อนหน้า ทำให้ยังได้เปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ ราคาที่เกษตรกร จะได้รับก็จะลดลงไปด้วย โดยขอให้รอไปอีกสักพัก เพราะฝนเริ่มตกแล้ว ผลผลิตจะได้เปอร์เซ็นต์แป้งตามมาตรฐานมากขึ้น ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.55 บาท สูงสุดที่ 10.90 บาท ขยับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 10.28 บาท โดยโรงงานอาหารสัตว์ รับซื้อเฉลี่ยที่ 11.29 บาท
ส่วนราคาผลปาล์ม จากก่อนหน้านี้ที่มีการปรับลดลงต่อเนื่อง สัปดาห์นี้ มีการขยับขึ้นแล้วจากสัปดาห์ก่อนหน้า เฉลี่ยอยู่ที่ 4.70 บาทสูงสุดที่ 4.90 บาทต่อกิโลกรัม โดยกรมการค้าภายใน ได้ลงไปติดตามสถานการณ์ตรวจสอบคุณภาพผลปาล์ม และราคา ซึ่งพบว่าภัยแล้งช่วงก่อนหน้า มีผลต่อเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม รวมทั้งผลผลิตที่ออกมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลังจาก ปริมาณฝน ที่ตกมากขึ้น จะทำให้ผลผลิตปาล์ม ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ดีขึ้น โดยเบื้องต้นได้ขอความร่วมมือโรงสกัด และลานเท ให้รับซื้อผลปาล์มในราคาขั้นต่ำที่สอดคล้องกับการผลิต โดยโรงสกัด ให้รับซื้อขั้นต่ำ 4.50 บาท
ส่วนลานเทให้ลดหลั่นลงมาเพราะมีค่าขนส่ง รวมทั้งให้โรงสกัดทุกแห่ง แจ้งปริมาณ และราคาที่รับซื้อจากเกษตรกร ปริมาณการเข้าหีบ และ เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สกัดได้ รวมถึงการปิดทำการต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันหรือ หากเครื่องจักรเสียฉุกเฉินต้องแจ้งทันที ขณะเดียวกัน ยังได้ความร่วมมือให้เกษตรกรชะลอการตัดผลปาล์มในช่วงนี้ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ปริมาณผลปาล์ม กระจุกตัวอยู่ที่ร้านเทและโรงสกัด โดยคาดว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าสถานการณ์จะดีขึ้น ตามปริมาณฝนที่ตกลงมามากขึ้น จะทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันดีขึ้น แต่ขณะนี้ จะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกสัปดาห์ สำหรับราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) อยู่ที่ 33 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่น้ำมันปาล์มบรรจุขวด เฉลี่ยลิตรละ 44 บาท
ส่วนราคาอาหารสด หมูเนื้อแดง ปรับตัวลดลงเล็กน้อย สัปดาห์นี้เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 134 บาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เฉลี่ย 135 บาท เนื้อไก่ ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน เนื้อน่องติดสะโพก ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 80.88 บาท เนื้อน่องราคาเฉลี่ย 84.25 บาท เนื้อสะโพก 87.44 บาท และ เนื้อหน้าอก 83.38 บาท ขณะที่ราคาไข่ไก่ เบอร์ 3 ขยับขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ยที่ฟองละ 4.15 บาท จากสัปดาห์ก่อนเฉลี่ยฟองละ 4.06 บาท ตามภาวะภัยแล้งเช่นกัน ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อน้ำมาใช้ในการเลี้ยง จึงเชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้นหลังจากฝนเริ่มตก แต่ถือว่าราคายังอยู่ในการกำกับดูแล
ส่วนราคาผัก ก็ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยผักคะน้า เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.10 บาท จากสัปดาห์ก่อนที่ 39.35 สตางค์ ถั่วฝักยาวปรับลดลงเยอะเหลือกิโลกรัมละ 55 บาท จากสัปดาห์ที่แล้วสูงถึงกิโลกรัมละ 67 บาท กะหล่ำปลีอยู่ที่กิโลกรัมละ 34.50 บาท ลดลงจาก 35.63 บาท ผักบุ้งจีน อยู่ที่กิโลกรัมละ 32 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงกิโลกรัมละ 32.73 บาท ต้นหอม อยู่ที่กิโลกรัมละ 108.50 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมา 114.63 บาท ผักชีอยู่ที่กิโลกรัมละ 157 บาท จากสัปดาห์ก่อนที่ 169 บาท พริกขี้หนูกิโลกรัมละ 85.50 บาท จากสัปดาห์ก่อน 86.75 บาท และมะนาว อยู่ที่ลูกละ 4.15 บาท จากสัปดาห์ก่อนที่ลูกละ 4.45 บาท ถือว่าสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร และอาหารสดหลายรายการ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากฝนเริ่มตกมากขึ้น.-514-สำนักข่าวไทย