อคส.แจงเงื่อนไขผู้สนใจประมูลข้าว 10 ปี เอกชนสนใจไม่น้อย

นนทบุรี 29 พ.ค. – รักษาการ ผอ.อคส. แจงเงื่อนไขประมูลข้าวสารสตอกรัฐ 10 ปี ให้กับผู้ค้าข้าว ระบุมีเอกชนสนใจไม่น้อย ย้ำข้าวสารบริโภคได้ทั้งตลาดในและส่งออก ชี้ทราบผลแน่ชัด 17 มิ.ย.นี้ ว่าใครชนะประมูล ขณะที่นายกสมาคมโรงสีภาคตะวันออกเฉียงเหนือและผู้ค้าข้าว เชื่อข้าวสารลอตนี้ เมื่อนำปรับปรุงคุณภาพข้าวก็บริโภคและทำตลาดได้ ถือเป็นตัวอย่างเก็บข้าว 10 ปี ยังดีอยู่ ต้องศึกษาไว้เพื่อข้าวไทยในอนาคต


นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ในเช้าวันนี้ หลังจาก อคส.ได้ออกประกาศเชิญชวนการเข้าร่วมประมูลการจำหน่ายข้าสารในสตอกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2567 เพื่อจำหน่ายข้าวสารในสตอกรัฐบาลที่เก็บรักษา อยู่ในคลังสินค้าของ อคส. โดยระบายแบบเหมาคลังตามสภาพของข้าวที่เก็บรักษา โดยในวันที่ 29 พ.ค.องค์การคลังสินค้าจะประชุมชี้แจงรายละเอียดการจำหน่ายข้าวสาร ในสตลอกรัฐบาล จากนั้นระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-7 มิ.ย.2567 (ยกเว้นวันที่ 3 มิ.ย.2567) จะเปิดให้ผู้สนใจสามารถดูข้าวได้ที่คลังสินค้าแต่ละแห่ง และจะเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติในวันที่ 10 มิ.ย.2567 และจะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 13 มิ.ย.2567 ก่อนจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อได้ในวันที่ 17 มิ.ย.2567 และจะเปิดซองเสนอราคาทันทีในช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยมีผู้สนใจเข้ามารับฟังคำชี้แจงกว่า 10 ราย และมีการสอบถามผ่านทางโทรศัพท์มากกว่า 10 ด้วยกัน ดังนั้น คงต้องติดตามหลังผ่านทุกขั้นตอนแล้วในวันที่ยืนซองจริงในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ว่าจะมีเอกชนที่สนใจยื่นซองจริงมากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ อคส.ยังมั่นใจว่าจะมีเอกชน ผู้ค้าข้าวหลายรายยื่นซองประมูลข่าวสารสตอกของรัฐบาลในครั้งนี้จำนวนไม่น้อย แต่ยังไม่ส่ามารถบอกได้ว่าจะมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน เพราะหลังจากผลพิสูจน์ข้าวลอตนี้ออกมาจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าไม่มีสารตกค้างใดๆ จะทำให้ข้าวสารนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้น ส่วนทีมีข่าวว่าทางคณะกรรมิธิการวุฒิสภาบางท่านจะขอให้มีการตรวจสอบข้าวสารสตอกนี้ใหม่อีกครั้งนี้ โดยคณะกรรมิธิการชุดดังกล่าวคงต้องทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ โดย อคส.ไม่มีอำนาจตรงนี้ แต่เมื่อผลพิสูจน์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ออกมาชัดเจนแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งคณะกรรมาธิการวุฒิสภา มีหน้าที่นิติบัญญัติมากกว่ามาตรวจสอบและที่ผ่านมาก็ได้ตรวจสอบให้เห็นมาแล้ว


นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า ตนมาในนามสมาคมโรงสีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามคำเชิญของ อคส. ที่ได้ออกประกาศเรื่องการจำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 15,000 ตัน ในโกดัง จังหวัดสุรินทร์ และจะลงไปดูที่โกดังสภาพข้าวสารอีกทีในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ว่าสภาพสินค้าเป็นอย่างไร และเมื่อภาครัฐมีการพิสูจน์ออกมาแล้วไม่มีสารตกค้างใดๆก็มั่นใจว่าสามารถที่จะบริโภคได้ทัังคนในประเทศและส่งออกไปตลาดต่างประเทศเพื่อการบริโภคได้อย่างแน่นอน ซึ่งเอกชนผู้ค้าข้าวที่ลงไปดูก่อนหน้านี้ ก็มีการยืนยันว่าสภาพข้าวสารยังมีอยู่และมีคุณภาพ แม้ว่าจะดูข้าวจะเหลืองหรือมีแมลงและซากอยู่บ้าง แต่เมื่อขายออกไปแล้ว ผู้ชนะประมูลจะต้องนำไปปรับปรุงคุณภาพก่อนออกจำหน่ายหรือส่งออกเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม นอกจากที่ตนมาในฐานะสมาคมโรงสีภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว และในฐานะผู้ประกอบโรงสีข้าวก็ได้ส่งตัวแทนมารับฟังการชี้แจงครั้งนี้ด้วย และเมื่อลงไปดูพื้นที่โกดังกล่าวดังกล่าวแล้วจะกลับมาประเมินภาพรวมอีกครั้งว่าจะนำเสนอและให้ราคาข้าวสารจำนวน 15,000 ตัน ในราคาเท่าไหร่ดี หากดูราคาตลาดข้าวสารขณะนี้น่าจะอยู่ที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาจะเสนอมามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการแต่ละรายอีกที หากมีผู้สนใจมากราคาแต่ละรายที่นำเสนอจะแตกต่างกันไป หากใครให้ราคาสูงกว่านี้ก็ถือว่าชนะการประมูลไป

“ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลถ้าเข้าใช้ได้แล้วคุณภาพต่างๆขายตามสภาพของข้าวที่มีมีอายุหลายปี ข้าวก่อนที่นำออกสู่ตลาดจะต้องมีการเข้ากระบวนการปรับปรุงคุณภาพ จะทำให้คุณภาพเข้าเข้ามาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในการซื้อขายและการส่งออกต่างประเทศหรือในประเทศคงต้องแยกแยะว่าในประเทศหรือส่งออกเท่านั้นถ้าบริโภคได้คนไทยบริโภคได้ต่างประเทศก็บริโภคได้เหมือนกัน เพราะไม่มีว่าข้าวจะเอาไปให้เฉพาะคนต่างชาติผู้บริโภคเค้าจะเข้าใจผิดว่าคนไทยไม่บริโภค ถ้าข้าวคุณภาพดีประเทศไทยควรจะได้ศึกษาต่อไปว่าข้าวที่เราเก็บมา 10 ปีเรายังเก็บรักษาแล้วคุณภาพใช้ได้จะเป็นเคสที่น่าศึกษามากเพราะเราไม่เคยมีค่าเก็บไว้ถึง 10 ปีแล้วยังคงสภาพอยู่ได้ต้องมาเรียนรู้กันว่าวันนึงข้างหน้าเราอ่ะเจอสภาพคราวที่เราต้องเก็บสต๊อกไม่ว่าเกิดวิกฤตอะไรอาจจะต้องมีการเก็บสตอกอาจถึงขนาดนี้แต่เราได้เรียนรู้ว่าเข้า 10 ปีก็ยังคงสภาพที่บริโภคได้” นายวิชัย กล่าว


ทั้งนี้ ยังมีบางประเด็นใน TOR ห้ามนำข้าวในโกดังออกมาตรวจสอบสภาพข้าวก่อน แต่ให้ดูสภาพข้าวในโกดังเท่านั้น เพราะอดีตจะเอาข้าวไปตรวจเช็คสภาพว่าจะมีเมล็ดเสียเมล็ดดีถ้าเป็นข้าวหอมก็ต้องไปดูค่าอามิโรสว่าถูกต้องไหม แต่หากอามิโรสต่ำไปแล้วก็อาจจะไม่ได้จำหน่ายเป็นข้าวหอมอาจเปลี่ยนไปเป็นข้าวข้าวแทน ซึ่งราคาประเมินอยู่ที่ผู้ไปดูเพราะของที่ดูด้วยตาแต่ละคนไม่เหมือนกันบางรายอาจบอกข้าวคุณภาพดีให้ราคาสูงบางรายมองว่าคุณภาพอาจมาปรับปรุงแล้วสูญเสียมากอาจจะทอนราคาลงไปอยู่ที่ราคาเวลาเสนอภาครัฐก็จะเห็นว่าใครให้ราคาสูงก็ให้คนนั้นไป

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่อยู่ในวงการค้าข้าวแม้การดูแลข้าวในโกดังและใช้สารเคมีเพื่อดูแลข้าวในโกดัง ยืนยันไม่มีสารเคมีซึมเข้าไปในตัวของเมล็ดอะไรมากมายเชื้อราอัลฟ่าทอกซินในความคิดของตนพวกนี้จะขึ้นกับอาหารที่เป็นโปรตีนเช่นถั่วข้าวโพดแต่ในคาร์โบไฮเดรตแป้งเชื้อรามีโอกาสขึ้นน้อยมากเพราะความชื้นไม่มากไม่ได้โดนน้ำถ้าโดนน้ำก็จะจะมีอัลฟ่าทอกซินแต่คราวนี้อยู่ในสภาพโกดังจากภาพก็ไม่ได้เปียกน้ำ ปัจจุบันผู้ประกอบการที่บรรจุเข้าลงถุงก็จะมีเครื่องจักรในการคัดแยกข้าวเม็ดดีไม่เสียออกแม้แต่เม็ดข้าวมีจุดดำมีเชื้อราเครื่องก็ยังสามารถคัดแยกออกได้เลย เพราะมีความละเอียดมากในการคัดแยกอยู่แล้ว เราจะเห็นข่าวทั่วไปไม่มีจุดดำแล้วไม่มีสิ่งเจือปนอะไรในคราบสีที่แตกต่างกันขาวและเหลืองเข้มก็แยกออกแทบจะไม่มีผลกันแต่ข้าวที่เป็นข้าวเก่าอาจมีสีสันที่เปลี่ยนไปตามสภาพของอายุและเหลืองเสมอการอ่อนอ่อนซึ่งเราไม่ได้ผลเพราะเป็นข้าวเสียเพราะข้าเป็นเมล็ดก็บริโภคหุงกินได้ ตนมองว่ามาตรฐานข้าวที่เราจำหน่ายอยู่ทุกวันนี้มาตรฐานสูงขึ้นมากเพราะในระบบการปรับปรุงและเครื่องจักรที่มีในประเทศไทยเป็นถือว่าทันสมัยระดับโลกไม่น่าห่วงเรื่องคุณภาพข้าวที่จะออกมา ซึ่ง TOR ที่ออกมาตนยังไม่มีอะไรติดใจเป็นปกติทั่วไปแต่ตนยังดูข้อความข้อความทั้งหมด “นายวิชัย กล่าว.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]