ชี้แจงกรณีถนน-ไฟส่องสว่างชำรุด ถ.กำแพงเพชร 6

กทม. 25 พ.ค. – การรถไฟฯ ชี้แจงกรณีถนนและระบบไฟส่องสว่างชำรุด บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 เหตุเกิดจากการขโมยตัดสายไฟ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแก้ไข พร้อมเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ กทม. เข้าดูแล


นายเอกรัช ศรีอารยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนกรณีถนนกำแพงเพชร 6 หรือถนนเลียบทางรถไฟช่วงจตุจักร-รังสิตใต้ ซึ่งอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงมีการชำรุด และพบปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบางช่วงไม่ทำงานนั้น ล่าสุด การรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขโดยทันที ซึ่งมีการดำเนินตามรายละเอียด ดังนี้

  1. ถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อ จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย
  • พื้นที่ในเขตปทุมธานี จำนวน 2 จุด คือ จุดที่ 1 ช่วงสถานีรังสิต- คลองรังสิตประยูรศักดิ์ จุดที่ 2ช่วงสถานีหลักหก โดยผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) ซึ่งได้ดำเนินการซ่อมแซมจุดที่ 1 เสร็จเมื่อเดือนมกราคม 2567 และจุดที่ 2 เสร็จเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567  
  • พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 จุด คือ จุดที่ 1 ช่วงดอนเมือง จากแยกนายใช้-บมจ.ท่าอากาศยาน จุดที่ 2 ช่วงก่อนเข้าสถานีดอนเมืองฝั่งขาเข้า กทม. P347 จุดที่ 3 ช่วงก่อนเข้าสถานีทุ่งสองห้องฝั่งมาจากหลักสี่ จุดที่ 4 ช่วงก่อนเข้าสถานีบางเขนฝั่งมาจากทุ่งสองห้อง และจุดที่ 5 ช่วงวัดเสมียนนารีจนถึงแยกถนนงามวงศ์วานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดการรถไฟฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าพื้นที่ และมีแผนจะทยอยซ่อมแซมแล้วเสร็จครบทุกจุด ภายในเดือนกรกฎาคม 2567

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดูแลบำรุงถนนกำแพงเพชร 6 ให้มีสภาพเรียบร้อยพร้อมใช้งานในระยะยาวการรถไฟฯ ได้มีการหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษา โดยปัจจุบันการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมกับได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพถนนเบื้องต้นร่วมกัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 และในเดือนมิถุนายน 2567 การรถไฟฯ จะนำคณะกรรมการรับมอบถนนกรุงเทพมหานคร เข้าตรวจสอบความสมบูรณ์ของถนนอีกครั้ง ตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนด และหากดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จะสามารถส่งมอบถนนกำแพงเพชรให้กรุงเทพมหานครได้ในเดือนสิงหาคม 2567


  1. ปัญหาระบบไฟส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบสาเหตุเกิดจากการถูกลักลอบตัดสายไฟ และตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์หลายจุด จนทำให้ระบบไฟบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ไม่สามารถทำงาน ซึ่งการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวงในการเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยดำเนินการแล้วเสร็จและกลับมาเปิดใช้ระบบไฟส่องสว่างได้เป็นปกติแล้วจำนวน 3 จุด ได้แก่ 1.สถานีจตุจักร-วัดเสมียนนารี 2. สถานีวัดเสมียนนารี-บางเขน 3. สถานีบางเขน-ทุ่งสองห้อง ส่วนที่สถานีทุ่งสองห้อง-รังสิต อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติงบประมาณในการซ่อมบำรุง ทั้งนี้ หากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว การรถไฟฯ จะประสานให้การไฟฟ้านครหลวง เร่งปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

“ปัญหาการลักลอบตัดสายไฟ และขโมยทรัพย์สินการรถไฟฯ ที่ถนนกำแพงเพชร 6 เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวได้เคยเกิดเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไข ด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่ จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ต่อมาก็ยังมีการลักลอบตัดสายไฟ และตู้ระบบไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมอุปกรณ์อยู่บ่อย ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาดังกล่าวซ้ำ”

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ยังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง สน.ประชาชื่น และ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พบการลักลอบตัดสายไฟบนถนนกำแพงเพชรแล้วมากกว่า 25 ครั้ง แต่กระนั้นยังพบการลักลอบการกระทำผิดมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่จุดเสี่ยง และขอให้ดำเนินการคดีกับผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรไปมาอีกด้วย

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการ หากพบเห็นเหตุผิดปกติ โปรดแจ้งที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งขอเตือนว่า พฤติกรรมลักขโมยสายไฟ รวมถึง ครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่างๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์  ถือว่ามีความผิด โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่างๆ จะมีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-114-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย