อุดรธานี 24 พ.ค. – บสย.หนุนนโยบายรัฐ จับมือมูลนิธิ ณภาฯ – กอช.เปิดโครงการ “บสย.สร้างชีวิตใหม่” สร้างอาชีพผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ พร้อมเข้าถึงสินเชื่อในระบบผ่านการค้ำประกันของ บสย.
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดโครงการ CSR “บสย. สร้างชีวิตใหม่” ปีที่ 5 ประจำปี 2567 เพื่อผู้ต้องขังที่กำลังพ้นโทษที่เข้าร่วมโครงการสร้างอาชีพ พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มงานอาชีพต่างๆ และรับฟังบรรยายหลักสูตรการฝึกอบรมทางการเงิน สร้างงานสร้างอาชีพ และการออม ณ เรือนจำชั่วคราวโคกก่อง เรือนจำกลางอุดรธานี จ.อุดรธานี โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมกับมูลนิธิ ณภาฯ ในพระราชดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โดยมีนายสุพัฒน์ เมธีวรพจน์ ประธานกรรมการ บสย., นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. นายเอกภพ เดชเกรียงไกรสร รองประธานมูลนิธิ ณภาฯ, นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม คณะกรรมการ กอช. และประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการออมและสมาชิก และพันเอกปริวรรตน์ วิมลปรีชาพงศ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุดรธานี ให้การต้อนรับ
รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง มองเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจขนาดเล็ก ที่จะเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยใช้กลไกรัฐเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างโอกาสให้กับทุกกลุ่มอาชีพ และผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าถึงสินเชื่อในระบบให้มากที่สุด รวมถึงสร้างความตระหนักและประโยชน์ของการออม สร้างแหล่งทุนของตัวเอง โดยโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการช่วยกลุ่มเปราะบางที่กำลังจะสร้างอาชีพของตัวเอง ให้ได้รับการฝึกอาชีพและความรู้ทางการเงิน รวมถึงการออม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ โดยความร่วมมือและการสนับสนุนของมูลนิธิ ณภาฯ และ 2 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้กำกับกระทรวงการคลัง คือ บสย. ที่มีบทบาทค้ำประกันสินเชื่อและการให้ความรู้ทางการเงิน และ กอช. ที่ให้ความรู้และส่งเสริมด้านการออม ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้รัฐวิสาหกิจมุ่งเน้นเรื่องการสนับสนุนนโยบายรัฐ สร้างโอกาสให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
นายสุพัฒน์ เมธีวรพจน์ ประธานกรรมการ บสย. กล่าวว่า โครงการ “บสย. สร้างชีวิตใหม่” ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2563 จากการที่ บสย. ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพ ฝีมือ และทักษะด้านต่าง ๆ ของกลุ่มผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บสย. เป็นตัวกลางเชื่อมโยงให้ความรู้ทางการเงิน ตามแนวคิด “เติมทุน เติมความรู้ เติมคุณภาพชีวิต” พร้อมส่งเสริมด้านธุรกิจในบทบาทพี่เลี้ยง SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อในระบบ และช่วยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ กลุ่มรายย่อยและอาชีพอิสระ ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอย่างต่อเนื่อง
โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ชุบชีวิตใหม่ ภายใต้กิจกรรม CSR “บสย. สร้างชีวิตใหม่” จะดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ต้องขังที่กำลังจะพ้นโทษในเรือนจำ และทัณฑสถาน รวม 12 แห่ง ระหว่างเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2567 โดยมีจำนวนผู้อบรมแต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า 100 คน ตลอดโครงการคาดว่าจะมีผู้ที่ได้รับการอบรมความรู้ประมาณ 1,200 คน และจะสามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องขังหลังพ้นโทษได้รับสินเชื่อที่ผ่านการค้ำประกันของ บสย. เฉลี่ยต่อรายอยู่ที่ 85,000 บาท ผ่านผลิตภัณฑ์ค้ำประกันของ บสย. พร้อมเสริมศักยภาพในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการอบรมบ่มเพาะความรู้ การเตรียมความพร้อมในการประกอบธุรกิจ และการวางแผนทางการเงิน ผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ของ บสย. อีกด้วย
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า โครงการ “บสย. สร้างชีวิตใหม่” สนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพกลุ่มผู้ต้องขังหลังการพ้นโทษ โดยมีเครือข่ายพันธมิตรจับมือกันเสริมสร้างภูมิคุ้มกันผู้ประกอบอาชีพกลุ่มเปราะบางให้มั่นคงยั่งยืนลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยวิตามินแห่งความรู้ สร้างโอกาสการเริ่มต้นใหม่ สร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพ ตามพันธกิจของ บสย. ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ด้วยหลักสูตรการฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเฉพาะด้าน ให้ความรู้ ดูบัญชีเป็น จัดทำบัญชีได้ และช่วยเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อ การคำนวณต้นทุนเริ่มต้นธุรกิจ โดยมี บสย. สำนักงานเขต ในพื้นที่ร่วมเป็นพี่เลี้ยงช่วยในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน.-516-สำนักข่าวไทย