พฤกษาโชว์รายได้ไตรมาสแรก 4,171 ล้านบาท

14 พ.ค. –พฤกษาโชว์รายได้ไตรมาสแรก 4,171 ล้านบาท ธุรกิจเฮลท์แคร์ เติบโต 21% ไตรมาส 2 เตรียมผุด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 7,100 ล้านบาท


“พฤกษา โฮลดิ้ง” เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ทำรายได้ 4,171 ล้านบาท ได้รับการตอบรับดีเกินคาดจากการออกหุ้นกู้ 2 ชุด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โฟกัสเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มพรีเมียม เดินหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสอง 7 โครงการ มูลค่า 7,100 ล้านบาท ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโตในทุกมิติ ทำรายได้สูงขึ้น 21% สานต่อความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ พร้อมลงทุนเพิ่มสัดส่วนการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่างต่อเนื่อง

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ว่า บริษัททำรายได้ราว 4,171 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรก ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นที่ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 31.5% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.31 เท่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แบบมีผู้ค้ำประกัน จำนวน 2 ชุด ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้ออกหุ้นกู้แล้วเสร็จในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีอายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.18% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.48% ต่อปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ A- ซึ่งบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจ ทำให้ได้รับยอดจองสูงกว่ามูลค่าที่ทำการเสนอขายประมาณ 1.5 เท่า ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จำนวน 4,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และต่อยอดธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวมต่อไป


ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ทำยอดโอนได้ 3,475 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 3,374 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมียอดขาย 1,342 ล้านบาท เติบโตราว 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สินค้าในกลุ่มพรีเมียมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการเปิดการขายโครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ในช่วงไตรมาสแรก สอดคล้องกับแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มพรีเมียม (มากกว่า 7 ล้านบาท) ให้มากขึ้นเป็น 50% ในครึ่งปีแรก ยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท (เปิดไปแล้ว 1 โครงการ ในไตรมาสแรก ได้แก่ โครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ) และในครึ่งปีหลัง 22 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีโครงการไฮไลท์สำคัญที่กำลังจะเปิดใหม่เร็ว ๆ นี้ อาทิ โครงการแบรนด์ใหม่ “ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น สไตล์ British Timeless Elegance และโครงการ “เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล” บ้านหรูสไตล์พูลวิลล่า ดีไซน์คลาสสิค French Hussmann พร้อมนวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงานภายในบ้าน (Active Air Quality, Active Air Flow) นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดี พร้อมมีทีมแพทย์จาก รพ.วิมุต และ Chersery Home International ดูแลสุขภาพทุกคนในครอบครัวถึงที่บ้านเหมือนมีแพทย์ประจำครอบครัว บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service) และบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus นวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะ ที่จะเป็นศูนย์กลางดูแลเรื่องความปลอดภัยในบ้าน และอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างและโดดเด่นให้กับโครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 4,429 ล้านบาท และยังมีสินค้าที่ยังเปิดขายอยู่มูลค่ารวม 61,269 ล้านบาท ซึ่งยังคงรองรับการเติบโตได้ถึง 2 ปี

ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีทิศทางเติบโตในทุกมิติ ทำรายได้ 499 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 โดยมีรายได้สูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกสูงขึ้น (แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย และชาวต่างชาติสูงขึ้น 32% และ 30% ตามลำดับ) ช่วงระหว่างปีที่ผ่านมาเดินหน้าสานต่อแผนสู่ความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ (Trusted Healthcare Platform) ประกาศรีแบรนด์ร.พ.เทพธารินทร์ สู่ “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์” ชูศักยภาพความเป็นผู้ชำนาญและความเป็นเลิศด้านเบาหวานและต่อมไร้ท่อ และวางแผนขยายบริการไปถึงกลุ่มลูกบ้านพฤกษาผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ยังได้ขยายบริการเพิ่มเติม ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกรและใบหน้า (Maxillofacial Surgery) เปิด “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต (ViMUT LASIK Center)” ชูนวัตกรรมที่ปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมเครื่อง “FEMTO LDV Z8” จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุและครอบครัวในย่านวัชรพล เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพของลูกค้าในโครงการบ้านในละแวกนั้น และชุมชนใกล้เคียงทั้งหมดเพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มในเครือพฤกษา ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามกรอบแนวคิด “อยู่ดี มีสุข”

ด้านการดำเนินงานต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ประจำตามกลยุทธ์ Seed new business ล่าสุดเดินหน้าตามแผนงานการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยพร้อมบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่า 8,430 ล้านบาท บนพื้นที่ย่านบางบ่อรวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ภายใต้บริษัทร่วมทุน 51:49 กับกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 เป็นต้นไป โดยจะมี แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) นำโซลูชันคลังสินค้าแบบอัจฉริยะและครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิส ติกส์ของประเทศไต้หวันมาร่วมให้บริการด้วย . -111 สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]