นนทบุรี 10 พ.ค. – อธิบดีกรมการค้าภายใน ยืนยันตรวจสอบข้าวค้างสตอก 10 ปี โปร่งใสและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เชื่อผู้ซื้อมั่นใจร่วมประมูลข้าวแน่นอน
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังจากลงพื้นที่ร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมผู้ประกอบการโรงสีข้าว ผู้ส่งออกข้าวถุง สื่อมวลชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้าวสารในสตอกของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 ณ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2567 โดยการตรวจสอบข้าวสารคงเหลือในสตอกของรัฐบาล ตามบัญชีของ อคส. จำนวน 2 โกดัง รวมจำนวน 145,590 กระสอบ น้ำหนัก 15,012 ตัน ได้มีบริษัทเซเวเยอร์ (บริษัท โคเทคนา อินสเปคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด) ที่เป็นผู้ตรวจสอบกลางตามมาตรฐานสากล ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตจากกรมการค้าต่างประเทศ เป็นคนกลางดำเนินการตรวจสอบในทุกขั้นตอนตามมาตรฐานสากลรวมทั้งสิ้น 9 กอง เป็นของโกดังกิตติชัย 7 กอง และเป็นของโกดังพูนผล 2 กอง ซึ่งในการเก็บตัวอย่างการตรวจสอบนั้น มีผู้สังเกตการณ์ทั้งผู้ประกอบการโรงสี ผู้ส่งออก และสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดประตูคลัง ซึ่งมีไขกุญแจ 3 ดอก (เก็บรักษาโดยผู้รับผิดชอบจาก 3 หน่วยงาน) เพื่อเก็บตัวอย่าง ซึ่งโกดังทั้ง 2 แห่ง ดำเนินการจัดเก็บและรมยาตามระยะเวลาของสัญญาจ้าง ตลอดจนถึงขั้นตอนการหุง เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ทดลองกิน โดยบริษัท เซอร์เวย์เยอร์ จะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ ได้มีการผ่ากองเก็บตัวอย่างจากกระสอบที่อยู่ภายในกองตามมาตรฐานการตรวจสอบพบว่าในทางกายภาพเมล็ดยังคงมีความสมบูรณ์ ไม่มีลักษณะเสียหายจากการถูกทำลายด้วยแมลงมีฝุ่น และมีสีเหลืองงาตามสภาพระยะเวลาที่เก็บรักษา และภายหลังจากที่ผู้ประกอบการทั้งโรงสีและผู้ส่งออกที่ร่วมการตรวจสอบทดลองรับประทานแล้ว พบว่าข้าวไม่แข็งกระด้าง ยังคงมีความนุ่ม มีลักษณะเช่นเดียวกับข้าวเก่า ซึ่งมีหลายประเทศที่มีความต้องการข้าวที่มีลักษณะเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ปกติข้าวสารที่เก็บในคลังก่อนที่จะนำไปใช้เพื่อการบริโภคหรือส่งออกก็จะต้องนำาไปปรับปรุงคุณภาพเพื่อให้ได้มาตรฐานทางด้านการค้าและสุขอนามัยตามที่กำหนด มิใช่นำข้าวจากคลังที่เก็บไว้ไปจำหน่ายทันที ต้องดำเนินการปรับปรุงคุณภาพ โดยการปรับปรุงมากน้อยจะขึ้นอยู่กับสภาพของข้าวและเงื่อนไขข้อตกลงหรือมาตรฐานของผู้ซื้อ เช่น ขัดสีของเมล็ด ขจัดสิ่งเจือปน และอื่นๆ ที่จำเป็น เพื่อให้ผ่านมาตรฐานก่อนจำหน่าย เพราะไม่มีบริษัทใดจะยอมเสียชื่อ และเช่นเดียวกับข้าวสารในสตอกของรัฐบาลลอตสุดท้ายนี้จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ เช่นเดียวกัน สำหรับครั้งนี้ อคส. จะได้ไปดำเนินการจัดประมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้รอผลการประมูลว่าเป็นอย่างไร ราคาประมูลจะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของข้าวว่าดีหรือไม่ เพราะคงไม่มีโรงสีผู้ส่งออก หรือผู้ประกอบการใดๆ ยอมที่จะเสนอราคาสูงกว่าคุณภาพข้าวที่ตนประมูลซื้อ
อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังกล่าวต่ออีกว่า ในการระบายข้าวสตอกของรัฐบาลลอตสุดท้ายนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีการตรวจทดสอบคุณภาพข้าว และจำหน่ายข้าวสารลอตสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้จะเปิดให้เอกชน ผู้ประกอบการ เข้าประมูลซื้อได้อย่างเต็มที่ และเปิดโอกาสให้สามารถเข้าไปพิสูจน์ตรวจสอบคุณภาพข้าวได้ทั้ง 2 คลัง ก่อนตัดสินใจเสนอราคาซื้อ แต่ อคส. จะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าประมูลว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยทำความเสียหายให้กับทางราชการหรือไม่อย่างไร และเมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจะทำการเปิดให้มีการประมูลและรับทราบผลการประมูลซื้อภายหลังเสร็จสิ้นการประมูลภายในวันเดียวกัน ซึ่งการประมูลครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลไม่ต้องมีภาระเก็บสตอก อีกทั้งมีรายได้ส่งคืนรัฐ และส่วนหนึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการ โดยสามารถติดตามการเปิดประมูลได้ที่เว็บไซต์ของ อคส. กรมการค้าภายใน และกระทรวงพาณิชย์ได้.-541-สำนักข่าวไทย