กรุงเทพฯ 9 พ.ค. – ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยกลางเดือน พ.ค.นี้โรงเรียนจะกลับมาเปิดเทอม ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายช่วงนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ การใช้จ่ายของผู้ปกครองช่วงเปิดเทอม คาดว่าจะมีเงินสะพัดสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท แต่ความรู้สึกของผู้ปกครองและประชาชนยังเห็นว่าเศรษฐกิจปัจจุบันยังไม่ดีขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าจากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายและผลกระทบของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม โดยตัวเลขการใช้จ่ายปีนี้เพิ่มขึ้น 4.21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาหรือมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 60,322 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 15 ปี หรือสูงสุดตั้งแต่มีการเก็บสถิติมา โดยเหตุผลที่การใช้จ่ายสูงขึ้น ความรู้สึกของผู้ปกครองมองว่ามาจากอุปกรณ์การเรียนและค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น หรือข้าวของและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มสูงขึ้น และยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ดีเท่าที่ควร สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของผู้ปกครองกับการการลงทุนด้านศึกษาของบุตรหลานเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ โดยผลสำรวจเห็นชัดเจนว่าการใช้จ่ายมีสัดส่วนเป็นการผ่อนชำระค่อนข้างมาก และบางส่วนนำเงินออมของตัวเองออกมาใช้ในช่วงเปิดเทอม โดยการใช้จ่ายทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมปีนี้ เช่น การวางแผนในการซื้อสินค้า โดย 83% ให้ความสำคัญกับหนังสือเรียน รองลงมาคืออุปกรณ์การเรียน กระเป๋านักเรียน ชุดนักเรียนและถุงเท้ารองเท้า โดยความคิดเห็นของผู้ปกครองมองว่าสินค้าบางรายการปีนี้เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะหนังสือเรียน
นอกจากนี้ โดยผลสำรวจการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมสูงที่อยู่ที่ค่าเทอม รองลงมา คือ การบำรุงโรงเรียน กรณีเปลี่ยนโรงเรียนใหม่หรือการเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะ โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อนักเรียน 1 คน หากเป็นโรงเรียนรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่าย 11,640 บาท, โรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียง 21,542 บาท และโรงเรียนเอกชน 34,210 บาท และสิ่งที่ผู้ปกครองมีความกังวลมากที่สุด อันดับ 1 คือ ผลการเรียนของบุตรหลาน รองลงมาคือสุขอนามัย ความปลอดภัยและการแข่งขันภายในโรงเรียน รวมถึงความเป็นห่วงต่อความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างเด็กในเมืองกลับนอกเมือง
ทั้งนี้ รัฐบาลควรเร่งปรับปรุงระบบการศึกษาของไทย เน้นเพิ่มบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะครูให้มีจำนวนที่เหมาะสมในการดูแลนักเรียน, การเรียนการสอนโดยเฉพาะวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ให้น่าสนใจมากขึ้น รวมทั้งลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาทั้งอุปกรณ์การเรียน ความรู้ทักษะและความคิดต่างๆ ระหว่างโรงเรียนในเขตเมืองและโรงเรียนในพื้นที่อื่นๆ ให้มีความใกล้เคียงกัน
ส่วนวันวิสาขบูชาปีนี้ซึ่งตรงกับวันพุธที่ 22 พฤษภาคม ทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวอาจจะไม่สูงมากนัก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมในวันวิสาขบูชาโดยเฉพาะการเวียนเทียน โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3,800 ล้านบาท
โดยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงวันวิสาขบูชาปีนี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัด 3,812 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขการใช้จ่ายอาจไม่สูงมากนักโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวเนื่องจากวันวิสาขบูชาปีนี้ตรงกับวันหยุดกลางสัปดาห์พอดีหรือวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 67 ซึ่งเป็นลักษณะการคล่อมวันทำงาน 2 วัน ทำให้จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่าย การท่องเที่ยวและการทำบุญปีนี้ กลุ่มตัวอย่าง 30% เลือกที่จะพักผ่อนอยู่บ้าน /ส่วน 47% จะเดินทางไปทำบุญเวียนเทียน มีเพียง 3% เท่านั้นที่จะจัดท่องเที่ยวแบบค้างคืน
สำหรับการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนในพื้นที่กรุงเทพปริมณฑล เฉลี่ยอยู่ที่ 2,151 บาท พื้นที่ต่างจังหวัด 1,931 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายเท่าเดิมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเป็นต้น. -514-สำนักข่าวไทย