ฟิทช์ คงเรตติ้ง PTT แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

กรุงเทพฯ 22 เม.ย.-ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ ของ บมจ.ปตท. (PTT) ที่ BBB+ และอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (International Long-Term Local-Currency Issuer Default Rating) ของ บมจ. ปตท. (PTT) ที่ BBB+ และอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะสั้น (International Short-Term Issuer Default Rating) ที่ F1 อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ F1+(tha) รวมถึงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของโครงการออกหุ้นกู้ (Medium-Term Debenture Program) มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท และโครงการออกหุ้นกู้มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกินหนึ่งแสนล้านบาท ที่ AAA(tha)


อันดับเครดิตของ PTT สะท้อนถึงสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ที่ระดับ bbb+ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย (BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่มีความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ (Government-Related Entities Rating Criteria) ของฟิทช์

อันดับเครดิตระยะยาวและระยะสั้นของ PTT จะยังคงเท่ากับอันดับเครดิตของประเทศไทย หากสถานะเครดิตโดยลำพังของ PTT ถูกปรับลงในอนาคต และฟิทช์พิจารณาว่าโอกาสในการได้รับการสนับสนุนภายใต้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตข้างต้นที่อยู่ในระดับสูงไม่มีการเปลี่ยนแปลง


สถานะเครดิตโดยลำพังของ PTT สะท้อนถึงสถานะทางเครดิตที่มั่นคง จากธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบริษัทแบบครบวงจร รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยฟิทช์มองว่าธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์จะยังคงเป็นธุรกิจหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของ PTT ไปจนถึงปี 2573 และ PTT มีแผนจะค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจพลังงานใหม่ๆ ที่มีคาร์บอนต่ำ รวมถึงธุรกิจอื่น นอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน มากขึ้นในอนาคต

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
-แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนในระดับสูงมาก: ฟิทช์มองว่าบทบาทของ PTT ในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐฯ (Preservation of government policy) ทางด้านพลังงานอยู่ในระดับสูงมาก โดย PTT มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ การผิดนัดชำระหนี้ของ PTT จะส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำหรับประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้า และทำให้ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศลดลง

นอกจากนี้ ฟิทช์มองว่าผลกระทบต่อการกู้ยืมของภาครัฐฯ ในกรณีที่ PTT ผิดนัดชำระหนี้ (Contagion risk) อยู่ในระดับสูงมากเช่นกัน เนื่องจากฟิทช์มองว่า PTT เปรียบเสมือนตัวแทนของภาครัฐฯ และรัฐวิสาหกิจ ที่มีการกู้เงินและออกหุ้นกู้ ดังนั้นการผิดนัดชำระหนี้ของ PTT จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการกู้ยืมเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ และต้นทุนทางการเงินของภาครัฐฯ และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ด้วย


-ความรับผิดชอบในการให้การสนับสนุนในระดับสูง: ฟิทช์ประเมินเรื่องการดูแลและการควบคุม (Decision-making and oversight) ของภาครัฐฯ ต่อ PTT อยู่ในระดับสูง เนื่องจากภาครัฐฯ โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่ร้อยละ 63 ใน PTT แม้ว่าภาครัฐฯ มีนโยบายให้ PTT ดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์ แต่ก็มีการควบคุมนโยบายการลงทุนและกลยุทธ์หลักๆ ในภาพกว้าง
นอกจากนี้ ฟิทช์มองว่าการสนับสนุนจากภาครัฐฯ (Precedents of support) ต่อ PTT อยู่ในระดับสูง ฟิทช์เชื่อว่าการที่ภาครัฐฯ ได้มีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่รัฐวิสาหกิจในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่สำคัญต่อประเทศเช่นเดียวกันกับธุรกิจพลังงาน น่าจะทำให้เชื่อได้ว่าภาครัฐฯ น่าจะให้การสนับสนุนแก่ PTT เช่นกันในกรณีที่บริษัทฯ มีความต้องการ แม้ว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทฯ เนื่องจาก PTT มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

-ต้นทุนก๊าซฯ ที่สูงขึ้นของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ: ฟิทช์เชื่อว่ากำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ของ PTT จะลดลง และมีความผันผวนเพิ่มขึ้น จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อ PTT น่าจะอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย คิดเป็นประมาณร้อยละ 6 ของ EBITDA รวมของ PTT โดยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

-ต้นทุนก๊าซธรรมชาติของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ จะถูกปรับให้เท่ากับราคาต้นทุนถัวเฉลี่ยก๊าซฯ จากทุกแหล่ง (Pooled gas price) ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied natural gas) ซึ่งราคาก๊าซธรรมชาติเหลวโดยปกติจะมีราคาสูงกว่า และมีความผันผวนมากกว่าราคาก๊าซฯ จากอ่าวไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นกำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ จะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนก๊าซฯ ที่ผันผวนมากขึ้น นอกเหนือจากราคาผลิตภัณฑ์ที่มีความผันผวนอยู่แล้ว

-ผลประกอบการอ่อนตัวลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของ PTT จะอ่อนตัวลงในปี 2567 เนื่องจาก EBITDA จากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง จากการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะปรับลดลง และกำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม EBITDA ของ PTT จะยังคงแข็งแกร่งที่ประมาณ 3.65 แสนล้านบาทในปี 2567 (ปี 2566 อยู่ที่ 4.0 แสนล้านบาท) และอยู่สูงกว่าในปี 2559-2563 ฟิทช์คาดว่า EBITDA จากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี น่าจะปรับตัวลงเล็กน้อยในปี 2567 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีน่าจะยังคงอ่อนแอ จากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของความต้องการของผู้บริโภคจากประเทศจีน การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ช้าลง และสภาวะกำลังการผลิตที่เกินความต้องการ ในขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง

-การลงทุนที่สูง: ฟิทช์คาดว่ากลุ่ม PTT จะมีค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ยังคงสูง จากการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดย บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) (อันดับเครดิต BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในธุรกิจนี้ มีการปรับแผนเงินลงทุน 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 นอกจากนี้ PTTEP ประกาศแผนการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 25.5 (โดยทางอ้อม) ในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในประเทศสกอตแลนด์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 689 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

-สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่าสถานะทางเงินของ PTT จะยังคงแข็งแกร่งอยู่ และสอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัทฯ แม้ว่าฟิทช์คาดการว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนจะเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะปรับลดลงกลับมาอยู่ในระดับปกติ ฟิทช์คาดว่า PTT จะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash flow from operation) ที่เพียงพอที่จะใช้ในการลงทุน ดังนั้นอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA net leverage) ของ PTT น่าจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 1.7 เท่าในปี 2567-2568 (ในปี 2566 อยู่ที่ 1.6 เท่า)

-ห่วงโซ่มูลค่าของธุรกิจก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร: PTT จะยังคงขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยจะมุ่งเน้นแหล่งก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อทำให้การจัดหาก๊าซธรรมชาติสำหรับประเทศไทยมีความมั่นคง โดย PTTEP วางแผนที่จะเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีในช่วงห้าปีข้างหน้า และเพิ่มให้ถึงประมาณ 8.1 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันภายในปี 2571 (โดยในปี 2566 อยู่ที่ 6.4 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) บริษัทฯ จะยังคงเน้นการผลิตก๊าซธรรมชาติ (มีสัดส่วนร้อยละ 72 ของการผลิตปิโตรเลียมทั้งหมดในปี 2566) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญในระหว่างการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานจากแหล่งฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ

ธุรกิจท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติและการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงไฟฟ้าและโรงแยกก๊าซฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มีความสม่ำเสมอ อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่มีความมั่นคง และสัญญาการซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงโครงสร้างราคาที่สามารถส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าได้ แต่กำไรจากธุรกิจการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากการปรับราคาของต้นทุนก๊าซธรรมชาติตามสัญญาการซื้อขายระยะยาว จะช้ากว่าการปรับราคาของราคาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ก๊าซธรรมชาติเหลวที่นำเข้าจะถูกจัดจำหน่ายแก่ผู้ใช้ จะต้องผ่านสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว และระบบท่อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบัน PTT เป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว โดย PTT จะคิดค่าบริการตามที่หน่วยงานกำกับธุรกิจพลังงานเป็นผู้กำหนด

-กลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน: PTT มีแผนที่จะกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานในอนาคต เช่น พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถพลังงานไฟฟ้า และธุรกิจพลังงานจากไฮโดรเจน รวมถึงไปยังธุรกิจใหม่ๆ เช่น วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและการแพทย์ (Life Science) เทคโนโลยีและดิจิตอล และการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 15,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 กลุ่ม PTT วางแผนที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานในอนาคต และธุรกิจใหม่ๆ คิดเป็นประมาณร้อยละ 32 ของแผนเงินลงทุนในปี 2564-2573 และวางเป้าหมายว่ากำไรสุทธิจากธุรกิจใหม่ๆ เหล่านี้จะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิทั้งหมดในปี 2573.-511.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย