ฟิทช์ คงเรตติ้ง PTT แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

กรุงเทพฯ 22 เม.ย.-ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ ของ บมจ.ปตท. (PTT) ที่ BBB+ และอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (International Long-Term Local-Currency Issuer Default Rating) ของ บมจ. ปตท. (PTT) ที่ BBB+ และอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะสั้น (International Short-Term Issuer Default Rating) ที่ F1 อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ F1+(tha) รวมถึงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของโครงการออกหุ้นกู้ (Medium-Term Debenture Program) มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท และโครงการออกหุ้นกู้มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกินหนึ่งแสนล้านบาท ที่ AAA(tha)


อันดับเครดิตของ PTT สะท้อนถึงสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ที่ระดับ bbb+ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย (BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่มีความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ (Government-Related Entities Rating Criteria) ของฟิทช์

อันดับเครดิตระยะยาวและระยะสั้นของ PTT จะยังคงเท่ากับอันดับเครดิตของประเทศไทย หากสถานะเครดิตโดยลำพังของ PTT ถูกปรับลงในอนาคต และฟิทช์พิจารณาว่าโอกาสในการได้รับการสนับสนุนภายใต้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตข้างต้นที่อยู่ในระดับสูงไม่มีการเปลี่ยนแปลง


สถานะเครดิตโดยลำพังของ PTT สะท้อนถึงสถานะทางเครดิตที่มั่นคง จากธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบริษัทแบบครบวงจร รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยฟิทช์มองว่าธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์จะยังคงเป็นธุรกิจหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของ PTT ไปจนถึงปี 2573 และ PTT มีแผนจะค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจพลังงานใหม่ๆ ที่มีคาร์บอนต่ำ รวมถึงธุรกิจอื่น นอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน มากขึ้นในอนาคต

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
-แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนในระดับสูงมาก: ฟิทช์มองว่าบทบาทของ PTT ในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐฯ (Preservation of government policy) ทางด้านพลังงานอยู่ในระดับสูงมาก โดย PTT มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ การผิดนัดชำระหนี้ของ PTT จะส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำหรับประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้า และทำให้ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศลดลง

นอกจากนี้ ฟิทช์มองว่าผลกระทบต่อการกู้ยืมของภาครัฐฯ ในกรณีที่ PTT ผิดนัดชำระหนี้ (Contagion risk) อยู่ในระดับสูงมากเช่นกัน เนื่องจากฟิทช์มองว่า PTT เปรียบเสมือนตัวแทนของภาครัฐฯ และรัฐวิสาหกิจ ที่มีการกู้เงินและออกหุ้นกู้ ดังนั้นการผิดนัดชำระหนี้ของ PTT จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการกู้ยืมเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ และต้นทุนทางการเงินของภาครัฐฯ และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ด้วย


-ความรับผิดชอบในการให้การสนับสนุนในระดับสูง: ฟิทช์ประเมินเรื่องการดูแลและการควบคุม (Decision-making and oversight) ของภาครัฐฯ ต่อ PTT อยู่ในระดับสูง เนื่องจากภาครัฐฯ โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่ร้อยละ 63 ใน PTT แม้ว่าภาครัฐฯ มีนโยบายให้ PTT ดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์ แต่ก็มีการควบคุมนโยบายการลงทุนและกลยุทธ์หลักๆ ในภาพกว้าง
นอกจากนี้ ฟิทช์มองว่าการสนับสนุนจากภาครัฐฯ (Precedents of support) ต่อ PTT อยู่ในระดับสูง ฟิทช์เชื่อว่าการที่ภาครัฐฯ ได้มีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่รัฐวิสาหกิจในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่สำคัญต่อประเทศเช่นเดียวกันกับธุรกิจพลังงาน น่าจะทำให้เชื่อได้ว่าภาครัฐฯ น่าจะให้การสนับสนุนแก่ PTT เช่นกันในกรณีที่บริษัทฯ มีความต้องการ แม้ว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทฯ เนื่องจาก PTT มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

-ต้นทุนก๊าซฯ ที่สูงขึ้นของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ: ฟิทช์เชื่อว่ากำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ของ PTT จะลดลง และมีความผันผวนเพิ่มขึ้น จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อ PTT น่าจะอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย คิดเป็นประมาณร้อยละ 6 ของ EBITDA รวมของ PTT โดยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

-ต้นทุนก๊าซธรรมชาติของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ จะถูกปรับให้เท่ากับราคาต้นทุนถัวเฉลี่ยก๊าซฯ จากทุกแหล่ง (Pooled gas price) ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied natural gas) ซึ่งราคาก๊าซธรรมชาติเหลวโดยปกติจะมีราคาสูงกว่า และมีความผันผวนมากกว่าราคาก๊าซฯ จากอ่าวไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นกำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ จะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนก๊าซฯ ที่ผันผวนมากขึ้น นอกเหนือจากราคาผลิตภัณฑ์ที่มีความผันผวนอยู่แล้ว

-ผลประกอบการอ่อนตัวลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของ PTT จะอ่อนตัวลงในปี 2567 เนื่องจาก EBITDA จากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง จากการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะปรับลดลง และกำไรของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม EBITDA ของ PTT จะยังคงแข็งแกร่งที่ประมาณ 3.65 แสนล้านบาทในปี 2567 (ปี 2566 อยู่ที่ 4.0 แสนล้านบาท) และอยู่สูงกว่าในปี 2559-2563 ฟิทช์คาดว่า EBITDA จากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี น่าจะปรับตัวลงเล็กน้อยในปี 2567 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีน่าจะยังคงอ่อนแอ จากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของความต้องการของผู้บริโภคจากประเทศจีน การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ช้าลง และสภาวะกำลังการผลิตที่เกินความต้องการ ในขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง

-การลงทุนที่สูง: ฟิทช์คาดว่ากลุ่ม PTT จะมีค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ยังคงสูง จากการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดย บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) (อันดับเครดิต BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในธุรกิจนี้ มีการปรับแผนเงินลงทุน 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 นอกจากนี้ PTTEP ประกาศแผนการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 25.5 (โดยทางอ้อม) ในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในประเทศสกอตแลนด์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 689 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

-สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่าสถานะทางเงินของ PTT จะยังคงแข็งแกร่งอยู่ และสอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัทฯ แม้ว่าฟิทช์คาดการว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนจะเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะปรับลดลงกลับมาอยู่ในระดับปกติ ฟิทช์คาดว่า PTT จะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash flow from operation) ที่เพียงพอที่จะใช้ในการลงทุน ดังนั้นอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA net leverage) ของ PTT น่าจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 1.7 เท่าในปี 2567-2568 (ในปี 2566 อยู่ที่ 1.6 เท่า)

-ห่วงโซ่มูลค่าของธุรกิจก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร: PTT จะยังคงขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยจะมุ่งเน้นแหล่งก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อทำให้การจัดหาก๊าซธรรมชาติสำหรับประเทศไทยมีความมั่นคง โดย PTTEP วางแผนที่จะเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีในช่วงห้าปีข้างหน้า และเพิ่มให้ถึงประมาณ 8.1 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันภายในปี 2571 (โดยในปี 2566 อยู่ที่ 6.4 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) บริษัทฯ จะยังคงเน้นการผลิตก๊าซธรรมชาติ (มีสัดส่วนร้อยละ 72 ของการผลิตปิโตรเลียมทั้งหมดในปี 2566) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญในระหว่างการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานจากแหล่งฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ

ธุรกิจท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติและการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงไฟฟ้าและโรงแยกก๊าซฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มีความสม่ำเสมอ อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่มีความมั่นคง และสัญญาการซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงโครงสร้างราคาที่สามารถส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าได้ แต่กำไรจากธุรกิจการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากการปรับราคาของต้นทุนก๊าซธรรมชาติตามสัญญาการซื้อขายระยะยาว จะช้ากว่าการปรับราคาของราคาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ก๊าซธรรมชาติเหลวที่นำเข้าจะถูกจัดจำหน่ายแก่ผู้ใช้ จะต้องผ่านสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว และระบบท่อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบัน PTT เป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว โดย PTT จะคิดค่าบริการตามที่หน่วยงานกำกับธุรกิจพลังงานเป็นผู้กำหนด

-กลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน: PTT มีแผนที่จะกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานในอนาคต เช่น พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถพลังงานไฟฟ้า และธุรกิจพลังงานจากไฮโดรเจน รวมถึงไปยังธุรกิจใหม่ๆ เช่น วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและการแพทย์ (Life Science) เทคโนโลยีและดิจิตอล และการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 15,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 กลุ่ม PTT วางแผนที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานในอนาคต และธุรกิจใหม่ๆ คิดเป็นประมาณร้อยละ 32 ของแผนเงินลงทุนในปี 2564-2573 และวางเป้าหมายว่ากำไรสุทธิจากธุรกิจใหม่ๆ เหล่านี้จะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิทั้งหมดในปี 2573.-511.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย