จี้รัฐแจงปัญหา “กากแคดเมียม” ชี้ BEYOND ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

กรุงเทพฯ 11 เม.ย. – มูลนิธิบูรณะนิเวศ จี้รัฐแจงปัญหา ”กากแคดเมียม” เรียก กากซอมบี้ ชี้ BEYOND ควรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด บนหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับผิดชอบ (polluter pays principle)


บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)หรือ BEYOND แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ (10 เม.ย.) ว่า ตามที่บริษัทฯชี้แจงเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ถึงกระแสข่าวว่ามีการขนย้ายกากแคดเมียมมาจากที่ดินของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดตาก นั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในบรรดานักลงทุน และประชาชนทั่วไป บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ เป็น เพียงคู่สัญญากับเจแอนด์บีตามสัญญาซื้อขายกากแคดเมียม ฉบับลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น โดยบริษัทฯ ไม่ได้มี ส่วนร่วมกับการประกอบกิจการของเจแอนด์บีแต่อย่างใด และกระแสข่าวมิได้สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันของบริษัทฯ

โดยบริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลของสาธารณชน ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมยุติหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อ คลายความกังวลของสาธารณชน ซึ่งบริษัทฯ จะจัดให้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาซื้อขายกากแคดเมียมดังกล่าวในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการยุติหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหากมีความคืบหน้าจะแจ้งเพิ่มเติม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า BEYOND หรือในอดีตคือบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเคยเป็นผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่และโรงถลุงแร่สังกะสีที่ จ. ตาก
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 มูลนิธิบูรณะนิเวศแถลง กรณีกากแคดเมียม ระบุ “กากแคดเมียม: แค่ปิดโรงงาน/ปิดพื้นที่/ขนย้าย เรื่องไม่จบ ถึงเวลาแก้ปัญหาแบบใช้ปัญญา” โดยตั้ง6ข้อสังเกตหลักๆ ได้แก่

  1. เหตุใดจึงต้องขุดและขนกากแคดเมียมที่กำจัดแล้วออกจากหลุมฝังกลบ จ. ตาก มายัง จ. สมุทรสาคร
    -ไม่ว่าใครจะชี้แจงอย่างไร แต่เป็นที่ชัดเจนว่า กากแคดเมียมนี้ไม่ใช่กากที่ต้องการการกำจัดหรือบำบัดเพราะได้ผ่านขั้นตอนนั้นไปแล้ว โดยเป็นกากที่ถูกจัดการด้วยการใส่ลงไปในหลุมฝังกลบเรียบร้อยแล้ว ในพื้นที่โรงงานของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ จ. ตาก ซึ่งมีพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ โรงงานแห่งนี้ประกอบกิจการผลิตแร่สังกะสีและแคดเมียม สังกะสีแท่ง สังกะสีอัลลอยด์ และโลหะแคดเมียม คือเป็นโรงงานทำเหมืองและถลุงแร่สังกะสีและแคดเมียมโดยตรง ดังนั้น หมายความว่าโรงงานแห่งนี้เองเป็นผู้ก่อให้เกิดกากอันตรายดังกล่าว และย่อมมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องรับผิดชอบบำบัดจัดการและกำจัดกากเหล่านั้น ซึ่งตามรายงาน EIA ระบุให้ฝังกลบในพื้นที่ และที่ผ่านมา โรงงานก็ได้ทำตามมาตรการดังกล่าว คือฝังกลบไปเรียบร้อยแล้ว
    . “สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องของการกระทำที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง เพราะเป็นการลุกขึ้นมาเปิดหลุมฝังกลบที่ปิดไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน (ตามข้อมูลที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศได้ทราบมา มีการอนุญาตจาก กพร. ให้ปิดหลุมฝังกลบกากแคดเมียมบ่อที่ 7 ตั้งแต่เมื่อกลางปี 2561) แล้วดึงเอากากอันตรายเหล่านั้นขึ้นมา จากนั้นยอมลงทุนขนส่งออกไปยังผู้ประกอบการรายอื่น ใน จังหวัด ที่ห่างไกลหลายร้อยกิโลเมตรประเด็นคำถามสำคัญ การกระทำเช่นนี้มีสาเหตุหรือแรงจูงใจจากอะไร “นี่เป็นเรื่องของความโลภโดยแท้ใช่หรือไม่” และเรียกร้องหน่วยงานรัฐทำความจริงให้ปรากฏ
  2. กากแคดเมียมที่โผล่เป็นข่าวขึ้นมาที่สมุทรสาครต้นเดือนเมษายนนี้ แท้จริงมีการขนกันออกมาจาก จ. ตากตั้งแต่เมื่อกลางปี 2566 ขนย้ายกากแคดเมียมชุดแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 และดำเนินการขนย้ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน ส่วนการขนเที่ยวสุดท้ายคือวันที่ 8 มกราคม 2567 รวมเป็นปริมาณกากที่นำออก 13,832.10 ตัน
  3. โรงงานที่สมุทรสาครไม่มีศักยภาพจัดการกากแคดเมียมให้ปลอดภัยได้
    โรงงานของบริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จ. สมุทรสาคร ถูกเปิดว่าเป็นจุดที่พบกากแคดเมียม โรงงานแห่งนี้เป็นโรงหลอมโลหะมานานประมาณ 30 ปีแล้ว มีใบอนุญาตประกอบกิจการอุตสาหกรรม 3 ใบ ใบแรกได้รับเมื่อปี 2537, ใบที่สองปี 2557 และใบที่สาม เพิ่งได้รับเมื่อปี 2566 ซึ่งเป็นเพียงใบเดียวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกากแคดเมียมนี้ เนื่องจากเป็นใบอนุญาตโรงงานประเภทที่ 60 สามารถประกอบกิจการหลอมสังกะสีและแคดเมียม ส่วนสองใบที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นทำได้เพียงการหลอมอะลูมิเนียม

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีใบอนุญาตให้เป็นโรงงานประเภทที่หลอมสังกะสีและแคดเมียมได้ แต่จากการตรวจสอบของมูลนิธิบูรณะนิเวศ พบว่า จนกระทั่งถึงวันที่ 4 มีนาคม 2567 นี้ โรงงานเจ แอนด์ บี เมททอลยังไม่เคยแจ้งขออนุญาตประกอบกิจการในส่วนของใบอนุญาตโรงงานประเภทที่ 60 ใบหลังสุดนี้ แต่อย่างใด นั่นหมายความว่า ในทางกฎหมายแล้ว โรงงานยังไม่สามารถดำเนินการอะไรกับกากแคดเมียมที่ไปรับมาจากเบาด์ แอนด์ บียอนด์ได้ ส่วนศักยภาพในเชิงเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นเรื่องที่จะถูกตรวจสอบก็ต่อเมื่อมีการแจ้งขออนุญาตประกอบกิจการ

  1. บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ไม่มีศักยภาพรองรับกากแคดเมียมทั้งหมดได้ จึงเกิดการกระจายต่อไปโรงงานอื่น และยังคงหายไปเกือบ 6,000 ตัน

แรกสุดที่มีการเปิดข่าวการพบกากแคดเมียมที่โรงงานเจ แอนด์ บี เมททอล มีการให้ข้อมูลว่า ปริมาณกากมีมากถึง 1.5 หมื่นตัน แต่ต่อมาถูกพบโดยคณะส่วนราชการที่ลงพื้นที่ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ปริมาณมีเพียง 2,400 ตันเศษ ทำให้เกิดกิจกรรมไล่ล่าหากากแคดเมียมตามมา โดยพบแห่งแรกที่โรงงานรีไซเคิลเถื่อน ต. คลองกิ่ว จ. ชลบุรี จากนั้นพบในโรงงานอีกแห่งหนึ่งของ ต.บางน้ำจืด ปริมาณที่พบที่คลองกิ่วมีการแจ้งตัวเลขระหว่าง 3,000 – 7,000 ตัน โดยล่าสุดอยู่ที่ 4,400 ตัน ส่วนที่บางน้ำจืดคนละจุดกับแห่งแรก พบ 1,034 ตันเมื่อรวมกันที่ยอดสูงสุดแล้วจึงยังเท่ากับมีส่วนที่หายไปอีกกว่า 5,900 ตัน และตามที่มีกระแสข่าวบางส่วนว่าอาจมีการหลอมไปบ้างแล้วทั้งที่คลองกิ่วและสมุทรสาคร จะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ หรืออาจจะยังมีเล็ดลอดอยู่ในพื้นที่อื่นๆ อีกหรือไม่


ประเด็นสำคัญที่สุดในมุมนี้คือ ท่ามกลางการมีกฎหมายและกลไกควบคุมการขนส่งกากอุตสาหกรรมที่รัดกุมและดีเลิศ ตามที่รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมักกล่าวอ้าง กากแคดเมียมซึ่งเป็นสิ่งมีพิษภัยร้ายแรงถูกขนส่งกระจายไปยังหลายพื้นที่โดยระบบไม่อาจรับทราบและไม่อาจติดตามได้อย่างไร

  1. ในฐานะผู้ก่อมลพิษ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นตัวการสำคัญในความผิดเรื่องนี้ จึงไม่ควรถูกปล่อยให้หายไปหรือลอยตัวจากสมการการแก้ปัญหาเรื่องกากแคดเมียม
    มูลนิธิบูรณะนิเวศขอเสนอหลักการสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ว่าจะต้องอยู่บนหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับผิดชอบ (polluter pays principle) และต้องยึดถือความปลอดภัยของประชาชนเป็นความสำคัญสูงสุด ดังนั้น ในฐานะที่บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือเดิมคือบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าของผู้ก่อให้เกิดกากอุตสาหกรรมอันตรายนี้ขึ้นมา จึงควรต้องเป็นผู้เข้ามารับผิดชอบต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในความหมายที่ว่าต้องเป็นผู้จ่ายต่อความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการแก้ไขปัญหานี้
  2. ทั้งหมดนี้สะท้อนความล้มเหลวของระบบบริหาร-จัดการกากอุตสาหกรรม โดยสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในกรณีแคดเมียมทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ระบบได้อนุญาตให้เกิด “กากซอมบี้” ขึ้นมา และถูกขนย้ายข้ามพื้นที่หลายจังหวัดมายังปลายทางได้อย่างง่ายดายและไร้มาตรการควบคุมดูแล เมื่อมาถึงปลายทางตามที่แจ้งไว้ในระบบแล้ว ก็สามารถมีการกระจายขายต่อโดยหน่วยงานกำกับดูแลไม่รับทราบ เมื่อกากอันตรายหายไปจากระบบก็ไม่สามารถติดตามได้อย่างเป็นระบบ นอกจากช่องโหว่ ยังมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งมิติความเข้มงวดและความจริงจัง

จากประเด็นหลัก 6 ประการนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศขอเสนอและเรียกร้องต่อรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน และพรรคเพื่อไทย ใน 2 มิติ ดังนี้ มิติที่ 1 เกี่ยวกับกรณีกากแคดเมียมของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 13,832.10 ตัน ให้ดำเนินการตามลำดับความเร่งด่วน ดังนี้

  1. สนับสนุนการติดตามตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนและครบถ้วนว่า กากแคดเมียมทั้งหมดนั้น กระจายไปอยู่ในพื้นที่ใด เท่าไร ในสภาพใด
  2. ตรวจสอบกระบวนการดำเนินการที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทาง ทั้งในประเด็นความชอบด้วยกฎหมาย ปฏิบัติการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และการละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงช่องโหว่หรือจุดผิดพลาดที่เกิดขึ้น และการคอร์รัปชัน
  3. ให้เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา ส่วนภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด โดยครอบคลุมถึงส่วนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วย

มิติที่ 2 เกี่ยวกับระบบและนโยบายการกำกับดูแลอุตสาหกรรมและกากอุตสาหกรรมในภาพรวม

  1. ทบทวนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ .
  2. ปรับปรุงระบบการควบคุมมลพิษและการรักษาสภาพแวดล้อม
    ยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม การควบคุมมลพิษ และ EIA/EHIA ก่อนไปมุ่งสู่ Green Mining Green Recycling และ BCG
    สนับสนุนกฎหมาย PRTR (ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. …)
    สำรวจและขึ้นทะเบียนพื้นที่ปนเปื้อนมลพิษที่เสียหายจากกิจการฝังกลบ การหล่อหลอม และการรีไซเคิลของเสียอันตราย

3ทบทวนภาครวมทั้งหมด โดยภาครัฐควรยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 4/2559 และอื่นๆ เพื่อให้มาตรการด้านผังเมืองและการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมีการบังคับใช้โดยไม่มีข้อยกเว้น ปรับปรุงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ที่ทับซ้อนกันของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริม-การอนุญาตการลงทุนอุตสาหกรรม

อ่านรายละเอียดจาก https://www.facebook.com/100064487898444/posts/805651144927808/?app=fbl. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 9 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงาาน 10-15 ส.ค. ไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 10 – 15 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]