สงกรานต์ฟีเวอร์ปีนี้คาดไทยเที่ยวไทยดันเงินสะพัด 4.7 หมื่นล้าน

นนทบุรี 9 เม.ย.-ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยผลสำรวจ สงกรานต์ฟีเวอร์ปีนี้ คาดไทยเที่ยวไทยดันเงินสะพัด 4.7 หมื่นล้าน


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 4,728 ตัวอย่าง ครอบคลุมประชาชนทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ พบว่า ประชาชนมีแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดสงกรานต์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อปี 2565 อย่างชัดเจน จังหวัดปลายทางยอดนิยมคือ ชลบุรี เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหลักที่จะเตรียมจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” นอกจากนั้น การจับจ่ายใช้สอยในส่วนของกลุ่มกำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้นจากปี 2565 เล็กน้อย และมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านอาหารสูงที่สุด ทั้งนี้ สนค. คาดการณ์ยอดค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 จะมีไม่ต่ำกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ประชาชนที่มีแผนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีสัดส่วนร้อยละ 25.81 ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด แบ่งเป็นการเดินทางไปต่างจังหวัด ร้อยละ 23.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากการสำรวจเมื่อปี 2565 ที่มีร้อยละ 10.68 สำหรับจังหวัดปลายทาง 5 อันดับแรก ใกล้เคียงกับผลสำรวจปี 2565 คือ (1) ชลบุรี (2) เชียงใหม่ (3) กรุงเทพฯ (4) ขอนแก่น และ (5) ภูเก็ต ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศ มีเพียงร้อยละ 2.32 โดยผู้ที่ไม่มีแผนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในภาพรวมให้เหตุผล 3 อันดับแรก คือ (1) ประหยัดค่าใช้จ่าย (ร้อยละ 47.55) (2) ไม่ชอบเดินทาง (ร้อยละ 26.46) และ (3) ดูแลครอบครัว (ร้อยละ 19.10)


ยานพาหนะที่นิยมใช้เดินทางไปต่างจังหวัด 3 อันดับแรก คือ (1) รถส่วนตัว (ร้อยละ 76.03) ซึ่งได้รับความนิยมสูงในทุกระดับรายได้ (2) รถทัวร์ (ร้อยละ 7.62) ซึ่งจะนิยมใช้ในกลุ่มที่มีรายได้ระหว่าง 10,001 – 30,000 บาท/เดือน และ
(3) เครื่องบิน (ร้อยละ 5.52) ซึ่งจะนิยมใช้ในกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท/เดือน

วงเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายตลอดการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในภาพรวมประชาชนที่มีแผนเดินทางคาดว่าจะใช้จ่าย (1) ระหว่าง 2,000 – 5,000 บาท/คน (ร้อยละ 36.17) ตามด้วย (2) ระหว่าง 5,001 – 10,000 บาท/คน (ร้อยละ 33.17) (3) ระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท/คน (ร้อยละ 15.93) และ (4) มากกว่า 20,000 บาท (ร้อยละ 6.51) สำหรับการพิจารณาตามระดับรายได้ พบว่า (1) กลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 47.47) คาดว่าจะใช้จ่ายระหว่าง 2,000 – 5,000 บาท/คน รองลงมาคือระหว่าง 5,001 – 10,000 บาท (ร้อยละ 25.35)

(2) กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 10,001 – 30,000 บาท/เดือน คาดว่าจะใช้จ่ายระหว่าง 5,001 – 10,000 บาท (ร้อยละ 37.54) รองลงมาคือระหว่าง 2,000 – 5,000 บาท/คน (ร้อยละ 36.68)


(3) กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 30,001 – 50,000 บาท/เดือน คาดว่าจะใช้จ่าย 5,001 – 10,000 บาท/คน (ร้อยละ 30.43) รองลงมาคือระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท/คน (ร้อยละ 26.81)

(4) กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 50,000 บาท/เดือน คาดว่าจะใช้จ่าย 10,001 – 20,000 บาท/คน (ร้อยละ 23.91) รองลงมาคือระหว่าง 5,001 – 10,000 บาท/คน (ร้อยละ 17.39)

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ระดับการใช้จ่ายที่สูงกว่า 10,000 บาท (ร้อยละ 22.44) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อปี 2565 (ร้อยละ 20.11) สะท้อนว่า การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย สนค. คาดการณ์จากผลสำรวจว่า ยอดค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีไม่ต่ำกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น

ประเภทค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 3 อันดับแรก คือ (1) ค่าอาหาร (ร้อยละ 37.69) ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง และระดับราคาที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 สะท้อนจากดัชนีราคากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในตะกร้าสินค้าที่ใช้คำนวณอัตราเงินเฟ้อ ที่ปรับลดลง ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 (เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ธ.ค. 66 ลดลงร้อยละ 0.63 ม.ค. 67 ลดลงร้อยละ 1.06 และ ก.พ. 67 ลดลงร้อยละ 0.97) ตามด้วย

(2) ค่าเดินทาง (ร้อยละ 31.16) ซึ่งปรับลดลงจากการสำรวจเมื่อปี 2565 (ร้อยละ 41.96) ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งคาดว่าในปี 2565 เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยเกิดความกังวลต่อประเด็นความมั่นคงทางพลังงาน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ และดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง ในเดือนมีนาคม 2565 ที่ดำเนินการสำรวจครั้งก่อน อยู่ในระดับค่อนข้างสูงกว่าเดือนเดียวกันของปี 2567

(3) ของฝาก (ร้อยละ 13.97) ปรับลดลงจากการสำรวจเมื่อปี 2565 (ร้อยละ 16.31) โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายศาสนกิจ (ร้อยละ 0.90) ลดลงค่อนข้างมากจากการสำรวจในป2565 (ร้อยละ 3.26)

อย่างไรก็ตาม เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่คนไทยนิยมเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งเพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัว และเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อน สำหรับปีนี้คาดว่าจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น และภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมทุกปี ประกอบกับรัฐบาลโดยความร่วมมือกับทุกภาคส่วนจะจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” อย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศยาวต่อเนื่องถึง 21 วัน (วันที่ 1 – 21 เม.ย. 67) นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังได้รับการประกาศจากยูเนสโก (UNESCO) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งเชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้อย่างหนาแน่น โดยจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการและผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม ในการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์เล่นน้ำ ของฝาก และของที่ระลึกในสถานที่จัดงาน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และริมเส้นทางถนนไปจังหวัดต่าง ๆ คาดว่าจะเกิดการจับจ่ายใช้สอยและสร้างรายได้จำนวนมหาศาล ในส่วนของการจราจรทางถนนที่คาดว่าจะหนาแน่นมาก ภาครัฐได้บูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน โดยการจัดตั้งจุดตรวจ จุดอำนวยความสะดวก และจุดบริการ เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย

สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการตรวจมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการน้ำมันในจังหวัดต่าง ๆ แล้ว และจะตรวจสอบและติดตามสถานการณ์จำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างใกล้ชิด ทั้งในสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สนามบิน รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้าในทุกภาคส่วน ทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และเพื่อให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมั่นใจตลอดช่วงเทศกาลมงคลของปีนี้.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย