นนทบุรี 8 เม.ย. – อธิบดีกรมการค้าภายในยันเฝ้าติดตามสินค้าอุปโภคและบริโภคทุกรายการอย่างใกล้ชิด แม้ว่าโอกาสที่ราคาน้ำมันดีเซลจะปรับขึ้นหลังที่รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาทแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลจะเริ่มทยอยขึ้นไปนั้น โดยผลกระทบจะเกิดขึ้นด้านขนส่งมากกว่าต้นทุนการผลิต ชี้ขอรอดูความชัดเจนก่อนเชิญผู้ผลิตสินค้าหารือช่วยตรึงสินค้าช่วยผู้บริโภคไปก่อน
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า กรมฯ ขอรอดูความชัดเจนแนวนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลก่อนหลังจะครบกำหนดในวันที่ 19 เม.ย.นี้ ว่าจะมีมาตรการตรึงต่อไปหรือปล่อยให้น้ำมันดีเซลเกินกว่าลิตรละ 30 บาท ขึ้นไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งยอมรับว่ากลุ่มน้ำมันดีเซลที่จะทยอยปรับขึ้นผลกระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านขนส่งสินค้ามากกว่าผลกระทบต่อด้านการผลิตสินค้า แต่เท่าที่ได้ยินมาทางภาคอุตสาหกรรมยินดีที่จะรับภาระด้านต้นทุนขนส่งเองที่จะไม่ผลักภาระขอขึ้นราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค
“กรมฯเฝ้าติดตามและวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคทุกรายการสินค้าทุกตัวและทุกวัน และยังเห็นว่าแม้ราคากลุ่มน้ำมันดีเซลที่จะเริ่มปรับขึ้นไปผลกระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านขนส่งมากกว่าต้นทุนด้านการผลิต เพราะหากพิจารณาสินค้าแต่ละชนิดที่ผลิตออกมามีวัตถุดิบต่างๆที่หลากหลาย ดังนั้น การปรับราคาสินค้าขึ้นจะต้องดูว่าสินค้าชนิดนั้นได้รับผลกระทบจากน้ำมันดีเซลมากน้อยแค่ไหนและหากคำนวณออกมาผลกระทบจริงถือว่ามีสัดส่วนน้อยมากจึงไม่ใช่เหตุผลที่จะขอปรับราคาสินค้าขึ้นจากผลกระทบที่ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด” นายวัฒนศักย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการรายใดเห็นว่าผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าสามารถยื่นคำขอปรับสินค้าที่ได้รับผลกระทบจริงมาให้กรมการค้าภายในได้พิจารณา หากวิเคราะห์และเห็นว่าได้ผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าจริง กรมฯ จะอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาสินค้าชนิดนั้นได้ แต่หากพิจารณาผลกระทบต่อต้นทุนไม่มากกรมฯ จะขอความร่วมมือที่จะช่วยกันตรึงสินค้าชนิดนั้นๆไปก่อนเพื่อช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และหากแนวทางนโยบายเกี่ยวกับการดูแลกลุ่มน้ำมันดีเซลของรัฐบาลออกมาแล้ว กรมฯจะเชิญผู้ผลิตสินค้าทุกรายและห้างสรรพสินค้ามาประชุมหารือเพื่อขอความร่วมมือช่วยกันตรึงราคาสินค้าทุกรายได้สินค้าไปก่อนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องระชาชนกันต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ กรมการค้าภายในได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการและร้านค้าต่างๆจะต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือหากมีการค้ากำไรเกินควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ.-514-สำนักข่าวไทย