กรุงเทพฯ 5 เม.ย.- หอการค้าไทย-จีนคาดหวัง ปี 2567 – 2568 การส่งออกสินค้าไทยไปจีนเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ากระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมณฑลต่างๆ ของจีน
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีนเปิดเผยว่า ปี 2567 นี้ หอการค้าไทย-จีน ก่อตั้งครบรอบ 114 ปี ยังคงบทบาทเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ ไทย-จีน ทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมและการสร้างโอกาสเข้าสู่ตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่กว่า 1,400 ล้านคน
จากการที่ประเทศจีน มีนโยบายส่งเสริมการเปิดกว้างระดับที่สูงขึ้นและขยายการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพสูง ดังจะเห็นได้ว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่า 274.65 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.95 ล้านล้านหยวน) ขยายตัว 1.2% จากปีก่อน
นอกจากนี้ สถิติเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ามูลค่าของการนำเข้าสินค้าทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นการนำเข้าแบบขายปลีก มีมูลค่าถึง 141.77 พันล้านหยวน ในปี 2566 หรือ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ดังนั้น หอการค้าไทย-จีน จึงมีแผนงานที่จะนำผู้ประกอบการไทย-จีน ในประเทศไทยเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติ ครั้งที่ 7 (หรือ CCIE ครั้งที่ 7) ซึ่งในปีนี้ กำหนดที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 พฤศจิกายน ที่ นครเซี่ยงไฮ้ เนื่องด้วยงาน CIIE นี้เป็นมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติเป็นแพลตฟอร์มที่มีความสำคัญมาก ที่จะสร้างตลาดขนาดใหญ่ของจีนให้กลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ของโลก จึงเชื่อมั่นว่าการร่วมงาน CIIE ครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้สินค้าอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นที่รู้จักและสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น
เมื่อปีที่ผ่านมา หอการค้าไทย-จีน เป็นเจ้าภาพจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (หรือ WCEC) ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซี่งมีนักธุรกิจชาวจีนจากทั่วโลก และจากประเทศไทย ราว ๆ 4,000 คน เป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย และสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังการระบาดของโควิด-19 หอการค้าไทย-จีน มีโอกาสต้อนรับผู้นำจีนและคณะผู้แทนระดับสูงจากประเทศจีน หลังการจัดประชุม WCEC ครั้งที่ 16 มาอย่างต่อเนื่อง
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเปิดประเทศของจีน ได้มีโอกาสนำคณะผู้แทนหอการค้าไทย-จีน เดินทางไปเศึกษา ดูงานและเข้าร่วมกิจกรรมการประชุม ในมณฑลต่าง ๆ ของจีน เช่น เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน เมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง มณฑลชิงไห่ นครเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง มณฑลหูเป่ย มณฑลไห่หนาน มณฑลยูนนาน มณฑลเจ้อเจียง มณฑลกานซู่ เป็นต้น
การที่หอการค้าไทย-จีน มีโอกาสต้อนรับผู้นำจีนและคณะผู้แทนระดับสูงจากจีน และการนำคณะหอการค้าไทย-จีน เยือนมณฑลต่าง ๆ ของจีน นั้น เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นการส่งเสริมการขยายความร่วมมือและโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทย กับมณฑลต่าง ๆ ของจีน
สำหรับทิศทางหอการค้าไทย-จีน ยุคใหม่ นี้ ยังคงทำหน้าที่เป็นสายใยผูกพันความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในทุกมิติ ช่วยเผยแพร่เรื่องราวดีๆของประเทศจีน ขณะเดียวกันก็แนะนำสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทย ผลักดันกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดความร่วมมือในเชิงลึกในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงการแบ่งปันโอกาสในรูปแบบจีนสมัยใหม่ ส่งเสริมการสร้างโอกาสเข้าสู่ตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ และสนับสนุนการสร้างประชาคมไทย-จีน ที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ บนเส้นทางสายมิตรภาพไทย-จีนต่อไป
สำหรับการค้าระหว่างประเทศไทยและจีน ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2567) ขยายตัว 7.15% มีมูลค่า 17,035 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยไปจีน มีมูลค่า 4,555 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 2.01% ส่วนการนำเข้าจากจีน ขยายตัว 10.94% มีมูลค่า 12,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยจึงเป็นฝ่าย ขาดดุลการค้ากับประเทศจีน 7,925 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้านำเข้าจากจีนที่สำคัญ ๆ ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
สำหรับสินค้าส่งออกของไทยไปตลาดจีน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ยางพารา เป็นต้น
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวถึงการที่ไทยจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าจากจีนที่ส่งทางไปรษณีย์มายังประเทศว่า จะไม่กระทบต่อการค้าขายเนื่องจากปัจจุบันผู้คนคุ้นเคยกับการสั่งของทางออนไลน์ ถึงจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการจ่ายมูลภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่สั่งออนไลน์ก็เชื่อว่า ยอดขายจะยังดีอยู่
สำหรับการที่ไทยและจีนมีมาตรการฟรีวีซาระหว่างกันทำให้ผู้คนเดินทางมากขึ้น ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายไทยได้เปรียบในเรื่องนี้เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากกว่าที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปจีน แต่จีนยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอีกหลายประเทศ เชื่อว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยปีนี้ จะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19. – 512 – สำนักข่าวไทย