นนทบุรี 5 เม.ย.-สนค.ปรับอัตราอัตราเงินเฟ้อทั้งปี หลังราคาพลังงานโลกปรับตัวสูงต่อเนื่อง และราคากลุ่มอาหาร-ผักสด ปรับสูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลอัตราเงินเฟ้อทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.0-1.0 ส่วนเดือน มี.ค.67 ติดลบร้อยละ 0.47
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยในเดือนมีนาคม 2567 ว่า เท่ากับ 107.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบร้อยละ 0.47ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ตามการปรับลดลง ของราคาอาหารสด ทั้งเนื้อหมู และผักสด เนื่องจากผลผลิตในตลาดมีจำนวนมาก และฐานราคาในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ในระดับสูง รวมทั้งราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล ยังคงต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว จากมาตรการช่วยเหลือค่าของชีพของภาครัฐ นอกจากนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งทำความสะอาด ราคายังคงปรับลดลง
โดยสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ลดลง ร้อยละ 0.57ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 0.40 จาก ราคาสินค้าและบริการ ที่นำมาคำนวณเป็นอัตราเงินเฟ้อ จำนวน 430 รายการ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว มีสินค้าที่ปรับราคาสูงขึ้น 261 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไก่สด ไข่ไก่ แก๊สโซฮอล์ และเบนซิน ส่วนราคาไม่เปลี่ยนแปลง 50 รายการ และสินค้าที่ราคาลดลง 119 รายการ เช่น เนื้อหมู ค่าไฟฟ้า กุ้งขาว มะนาว และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในไตรมาสแรกยังติดลบร้อยละ 0.79
ส่วนแนวโน้มในเดือนเมษายน 2567 คาดว่ายังติดลบอยู่ แต่หลังจากนั้น อัตราเงินเฟ้อ น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 จนถึงสิ้นปี เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลก มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าในไตรมาสแรกที่ผ่านมา รวมทั้งฐานค่าไฟไฟฟ้าที่ต่ำในปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากรัฐบาล มีมาตรการลดค่าไฟค่อนข้างมาก และการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น
ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 ใหม่ อยู่ในแดนบวก ในกรอบ ร้อยละ 0.0-1.0 จากกรอบเดิมที่ ติดลบร้อยละ 0.3-1.7 ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวในกรอบร้อยละ 2.2-3.2 ราคาภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวในได้ร้อยละ 2.2-3.2 ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ 34.5-36.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันต่อไป.-514-สำนักข่าวไทย