กรุงเทพฯ 29 มี.ค. – ธปท.เผยส่งออก ก.พ.67 ยังไม่ขยับ เงินเฟ้อยังติดลบร้อยละ -0.77 คาดอีก 2 เดือน กลับเป็นบวก ยกเว้นค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตไปต่างประเทศ ซื้อสินค้าออนไลน์ 3 เดือน แนะลูกหนี้ร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง เริ่ม 1 เม.ย.67
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจโดยรวมของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ปี 67 ขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 2.5 หากตัดสินค้าทองคำมูลค่า 22.3 พันล้านดอลาร์สหรัฐ นับว่าขยายตัวร้อยละ 0 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า แต่หลังจากนี้การส่งออกเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ -0.77 ติดลบน้อยลงจากเดือนก่อน -1.11 มองว่าอัตราเงินเฟ้อดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าอีก 2 เดือน อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มเป็นบวก
ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลตามดุล 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเดิมขาดดุล 200 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายรับภาคการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยเฉพาะชาวจีนได้รับผลดีจากมาตรการวีซ่าฟรีและเทศกาลตรุษจีน มาเลเซีย จากการท่องเที่ยวก่อนการถือศีลอดในช่วงรอมฎอน ปีนี้มาเร็วกว่าปกติ ส่วนญี่ปุ่นหลังชะลอไปในช่วงก่อนหน้า สำหรับรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางยังหดตัวสูงตาม พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ล่าช้า และรายจ่ายประจำหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อน เพราะการเลื่อนเบิกจ่ายของหน่วยงาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา รวมถึงปีก่อนมีการเบิกจ่ายในมาตรการลดค่าไฟฟ้าและโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว หลายมาตรการ
โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีรัฐบาลเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาท ธปท. ยังมีความเห็นเหมือนเดิม เพราะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เริ่มฟื้นตัวและมีรายได้ดีขึ้น จึงควรช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งควรได้รับการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม มองว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องรอติดการประชุมบอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่ในวันที่ 10 เม.ย.67 นี้จะสรุปแนวทางอย่างไร
นางสาวชญาวดี กล่าวว่า กรณีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเพิ่มเติม กรณีการเดินทางไปใช้จ่ายในต่างประเทศ และการรูดบัตรซื้อสินค้าออนไลน์ หลังได้หารือกับชมรมผู้ให้บริการบัตรเครดิต ธปท.ขอให้ยกเว้นจัดเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเวลา 3 เดือน โดยเร่งรัดให้ธนาคารประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าผู้ถือบัตรรับทราบให้ชัดเจน จากนั้นค่อยปรับเพิ่มค่าธรรมเนียม
นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า แนะให้ลูกหนี้ ร่วมโครงการ แก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง โดยเน้นกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล เป็นกลุ่มชำระหนี้ขั้นต่ำรายเดือน และยังเป็นลูกหนี้ดี เป็นกลุ่มเลือกชำระดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น ต้องชำระให้เสร็จภายใน 5 ปี หลังจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต ปรับปรุงหลักเกณฑ์ข้อมูลเครดิต บังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 67 เป็นต้นไป
ด้วยการแบ่งกลุ่มลูกหนี้ใหม่ 3 กลุ่ม คือ 1.DR เป็นกลุ่มปรับโครงสร้างหนี้เพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสีย 2. TDR กลุ่มปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา 3. PD กลุ่มลูกหนี้ทำข้อตกลงเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยยังไม่เป็นหนี้ NPL มาตรการดังกล่าว โดยไม่มีผลย้อนหลังในการปรับโครงหน้านี้ ทำสัญญาเอาไว้ก่อน 1 เม.ย. 67 ให้ลูกหนี้รีบติดต่อกับแบงก์ โดยเลือกนำบัตรที่มีปัญหาเข้าร่วมโครงการ 1-2 ใบ จะได้รับการลดดอกเบี้ยจากน้อยละ 25 เหลือร้อยละ 15 เมื่อชำระติดต่อกันภายใน 5 ปี เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย .-515. สำนักข่าวไทย